ไขปริศนา! ต้องปิดไหม? ทำไมต้องปิดมือถือเวลาขึ้นเครื่องบิน?

ไขปริศนา! ต้องปิดไหม? ทำไมต้องปิดมือถือเวลาขึ้นเครื่องบิน?

รวมเหตุผลที่ทุกคนต้องรู้ กับกฎข้อบังคับ “ปิดโทรศัพท์มือถือขณะเครื่องบินขึ้นและลง” ที่หลายคนแค่ต้องทำตามสั่ง แต่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมต้องทำ

เสียงประกาศจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่ไม่ว่าคุณจะบินไฟลท์ไหน สายการบินอะไร ก็ถือเป็นกฎเหล็กให้ต้อง ปิดโทรศัพท์มือถือขณะเครื่องกำลังจะขึ้นและลง โดยหลักใหญ่ใจความไม่ใช่แค่การเปิด โหมดเครื่องบิน (Airplane Mode หรือ Flight mode) แต่หมายถึงการต้องปิดเครื่องมือสื่อสาร รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ด้วย

เหตุผลที่สายการบินมักจะแจ้งมาพร้อมๆ กับกฎการปิดโทรศัพท์มือถือคือ เครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะมีสัญญาณรบกวนการทำงานของอุปกรณ์นักบิน แต่หลายครั้งที่เรายังไม่รู้ชัดๆ ว่าไอ้คำว่า “รบกวน” นั้นรบกวนอย่างไร รบกวนแค่ไหน และรุนแรงแค่ไหนถึงขั้นต้องกดปุ่ม Power off ให้มันจบๆ ไป

ไขปริศนา! ต้องปิดไหม? ทำไมต้องปิดมือถือเวลาขึ้นเครื่องบิน?

KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที มีคำอธิบายชัดๆ ที่จะไขข้อสงสัยว่า จริงๆ แล้ว เราจำเป็นต้องปิดมือถือหรือไม่ ทำไมถึงต้องปิด แล้วถ้ายังแอบเนียนไม่ปิด อาจส่งผลอะไรต่อความปลอดภัยของทุกคนบนเครื่องบิน

ปิดเครื่อง เรื่องใหญ่

ข้อมูลจากองค์การการบินของอเมริกา หรือ Federal Aviation Administration (FAA) ระบุว่าโทรศัพท์มือถือจะแพร่สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อการสื่อสาร และคลื่นสัญญาณที่ว่านี้ก็มีคุณสมบัติพิเศษมากๆ คือ จะเดินทางได้ไกลมากๆ เมื่ออยู่บนอากาศ นั่นเท่ากับการใช้โทรศัพท์มือถือ (โดยเฉพาะแบบเปิดสัญญาณ) จะส่งคลื่นสัญญาณรบกวนระบบปฏิบัติการการบิน ไปจนถึงศูนย์ภาคพื้นดินที่ทำหน้าที่รับคลื่นวิทยุสื่อสารของเครื่องบินด้วย

แต่หลายคนก็แอบคิดในใจว่าโทรศัพท์มือถือก็มีโหมดเครื่องบินกันหมดแล้ว ทำไมยังต้องปิดเครื่องอีก ก็นับว่าถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตั้งแต่ปี 2013 ทาง FAA ได้เริ่มอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือในโหมดเครื่องบิน ทว่าโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนในปัจจุบันแม้จะเปิด Flight Mode แล้ว ก็ยังเปิดฟีเจอร์รับส่งสัญญาณอื่นๆ ได้ภายหลัง เช่น WiFi หรือ Bluetooth จึงเป็นไปได้ว่าอุปกรณ์ยังก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนการบินอยู่นั่นเอง

ไขปริศนา! ต้องปิดไหม? ทำไมต้องปิดมือถือเวลาขึ้นเครื่องบิน?

ถึงแม้ในเชิงเทคนิคจะอธิบายไปแล้ว แต่ประเด็นปิดหรือไม่ปิดโทรศัพท์มือถือขณะเครื่องบินขึ้นและลง ก็ยังมีเหตุผลแวดล้อมที่ส่งผลด้านความปลอดภัยอย่างมาก ไม่ว่าจะเพื่อให้ผู้โดยสารมีสมาธิเตรียมพร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำ และคำสั่งต่างๆ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะช่วงเวลาเครื่องบินขึ้นและลง ซึ่งนับว่าเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดของการบิน

และการที่ผู้โดยสารมีสมาธิพร้อมรับฟังคำแนะนำ ผู้โดยสารเองก็จะได้สังเกตการณ์ต่างๆ หากเกิดความผิดปกติใดๆ ทั้งนอกและในเครื่องบิน ก็จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้แก่ลูกเรือได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งมีผลทั้งสิ้นด้านความปลอดภัย

ทว่ากฎข้อบังคับเกี่ยวกับการปิดโทรศัพท์มือถือขณะเครื่องบินขึ้นและลงก็มีความเข้มงวด และรายละเอียดแตกต่างกัน สำหรับบางสายการบินเข้มงวดถึงขั้นว่าแจ้งให้ปิดเครื่องทั้งก่อนเครื่องขึ้นและลง รวมไปถึงห้ามเปิดใช้จนกว่าจะเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร (แต่จะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติตาม)

ส่วนบางสายการบินก็อะลุ้มอล่วยให้เปิดใช้ได้ตั้งแต่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์ เพียงแต่ขอความร่วมมือไม่เปิดเสียงเพราะเป็นการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น

ไม่ปิดได้ไหม

ถึงจะมีเหตุผลที่รองรับกฎดังกล่าว แต่ก็ยังมีข้อมูลอีกด้านที่โต้แย้งการปิดโทรศัพท์มือถือขณะเครื่องบินขึ้นและลง โดยมีงานวิจัยจาก Penn State University ที่ว่า เครื่องบินส่วนมากในปัจจุบันมีระบบต่างๆ ที่ดีขึ้น มีความเป็นไปได้ที่การใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินจะส่งผลต่อระบบการทำงานของอุปกรณ์บนเครื่องบิน

แต่โดยพื้นฐานแล้วเครื่องบินในปัจจุบันได้มีการพัฒนาทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นด้วยการหุ้มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องบิน (เช่น ระบบควบคุมการบิน) ด้วยวัสดุที่ป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์ต่างๆ และโทรศัพท์มือถือ

และเมื่อเครื่องบินไต่ระดับไปจนถึงความสูงมากกว่า 10,000 ฟุต ก็จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แล้ว เพราะระดับความสูงของการบินโดยปกติจะอยู่ที่ 36,000 ฟุต แต่ก็นั่นเองที่ถ้าหากช่วงขึ้น และลงซึ่งมีสัญญาณโทรศัพท์แล้ว จะเป็นช่วงที่เกิดสัญญาณรบกวนของอุปกรณ์การบินได้

ไขปริศนา! ต้องปิดไหม? ทำไมต้องปิดมือถือเวลาขึ้นเครื่องบิน?

บางสายการบินใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องได้

นอกจากสายการบินส่วนมากจะมีข้อบังคับนี้ แต่บางสายการบินกลับใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบินได้เลย นั่นเป็นเพราะสายการบินเหล่านั้นมีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยใช้เสาส่งสัญญาณขนาดเล็กติดตั้งบนเครื่องบิน สำหรับให้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อสัญญาณได้ แต่ก็ไม่ได้ใช้งานได้ตลอดเวลา เพราะเมื่อพ้นเขตที่กำหนดก็จะใช้ไม่ได้

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินนี่อาจดูเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้งานติดต่อสื่อสาร แต่อีกด้าน นี่คือ ช่องโหว่ด้านการก่อการร้ายที่หลายฝ่ายออกมาต่อต้านให้ยุติการใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน เนื่องจากผู้ก่อการร้ายอาจกดระเบิดด้วยสัญญาณมือถือก็ได้

สรุปง่ายๆ ไม่ว่าข้อบังคับจากสายการบินหรือคำสั่งจากพนักงานต้อนรับที่คอยปากเปียกปากแฉะบอกให้ปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเครื่องบินขึ้นและลงนั้นจะมีผลต่อการบินอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ แต่ก็มีเหตุผลมากพอที่ทุกคนจะแค่เจียดเวลากดปุ่มปิดเครื่องสักช่วงเวลาหนึ่ง อย่างน้อยก็จะได้จดจ่อกับสิ่งรอบตัว ณ ช่วงเวลาที่ถือว่าอันตรายที่สุดของการบิน และไม่สร้างความรำคาญต่อผู้โดยสารคนอื่นจากความต้องการสื่อสารของเรา

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์