เอไอสร้างความรู้ใหม่ได้หรือไม่?

ในประวัติศาสตร์ความรู้ของมนุษยชาติ คำถามว่าอะไรคือความรู้ใหม่และใครคือผู้สร้างขึ้นมา เคยเป็นคำถามที่ผูกติดอยู่กับมนุษย์เพียงผู้เดียว แต่เมื่อปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบความคิดโลก
คำถามนี้กลับมีมิติใหม่ที่สั่นสะเทือนกรอบความเข้าใจเดิมเกี่ยวกับการรู้ การค้นพบและการสร้างสรรค์
ความสงสัยว่าเอไอสร้างความรู้ใหม่ได้หรือไม่ เริ่มมีการถามมากขึ้นเรื่อยๆ เท่าที่ผมสอบถามคำถามนี้มากับวงสนทนาต่างๆ พบว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเอไอยังไม่สามารถสร้างความรู้ใหม่ได้จริงๆ แต่หลายคนก็เห็นว่าเอไอเริ่มมีอาการว่าทำได้แล้วอยู่เหมือนกัน
ดังนั้น คำตอบจึงไม่อาจตอบสั้นๆ แบบได้หรือไม่ได้ เพราะแม้เอไอในวันนี้ดูเหมือนจะยังไม่สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่แบบมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันก็ดูจะสามารถสร้างความรู้ใหม่บางประเภทได้แล้ว และกำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่กว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพื่อให้เข้าใจว่าเอไอกำลังทำอะไรอยู่ ผมคิดว่าเราต้องเริ่มจากคำว่า “ความรู้ใหม่” (New Knowledge) คืออะไร ซึ่งจริงๆ แล้ว ความรู้ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว หากแบ่งได้อย่างน้อยๆ เป็น 3 ลักษณะ คือ
1.ความรู้ประเภทการค้นพบสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน (Discovery) เช่น การค้นพบอนุภาคใหม่ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ใหม่ สมการที่ไม่เคยมีในโลก หรือเทคนิควัสดุศาสตร์ใหม่ที่ไม่เคยทดลองมาก่อน ความรู้เชิงทฤษฎีระดับนี้น่าจะยังคงเป็นงานของมนุษย์ เพราะต้องอาศัยประสบการณ์ การตั้งคำถามใหม่ๆ และสัญชาตญาณที่เกิดจากการปะทะสังสรรค์กับโลกจริง ซึ่งเอไอยังเลียนไม่ได้
2.ความรู้แบบการสังเคราะห์ (Synthesis) คือการนำสิ่งที่รู้อยู่แล้วหลายเส้นทางมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันจนเกิดความหมายใหม่ๆ เช่น การเห็นรูปแบบที่คนเรายังไม่สังเกตเห็น การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสาขาวิชาที่กระจัดกระจาย หรือการอ่านข้อมูลจำนวนมหาศาลจนเห็นภาพรวมใหม่ ใครเคยใช้เอไอก็จะทราบดีว่าเอไอทำสิ่งนี้ได้ดีมากอย่างน่าตกใจ และดูจะเริ่มสร้างมุมมองใหม่ๆ ที่มนุษย์ไม่เคยคิดถึงมาก่อน
3.ความรู้แบบการสร้างวิธีการใหม่ (New Methods) ซึ่งรวมถึงความรู้เชิงออกแบบและวิศวกรรม เช่น การออกแบบยาใหม่ด้วยอัลกอริทึม (Generative Drug Design) การสร้างโปรตีนใหม่ (Protein Generation) การออกแบบวงจรชิปที่มนุษย์ไม่เคยออกแบบมาก่อน (Novel Chip Architecture) หรือการค้นหาวัสดุใหม่ในห้องปฏิบัติการเสมือน (Virtual Materials Discovery)
ความรู้ประเภทนี้เอไอเริ่มทำได้จริงเต็มรูปแบบ และมีผลงานที่ตรวจสอบได้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเราจะเห็นตามข่าวความเคลื่อนไหวความก้าวหน้าเหล่านี้มาอย่างสม่ำเสมอ และบางงานส่งผลให้ผู้สร้างเอไอได้รับรางวัลโนเบลด้วยซ้ำ
เราได้เห็นเอไอที่เก่งๆ อย่าง AlphaFold2 ที่แก้ปัญหาโครงสร้างโปรตีนที่มนุษย์พยายามแก้มานานกว่า 50 ปี หรือ DeepMind ที่ออกแบบชิป Google TPU รุ่นใหม่ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือระบบ Materials Design AI ที่ค้นพบวัสดุใหม่หลายร้อยชนิด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การทำซ้ำข้อมูลแต่เป็นการสร้างความรู้ใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยคิดออก แต่พิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง
คำถามต่อมาคือ เอไอสามารถสร้างความรู้ระดับทฤษฎีใหม่ของจักรวาลแบบไอสไตน์ได้หรือไม่ ผมคิดว่า ยังไม่ได้ เพราะเอไอยังไม่มีประสบการณ์ภายใน ไม่มีความรู้สึกตัว ไม่มีแรงผลักดันภายในที่ทำให้ตั้งคำถามใหม่ๆ และไม่มีความสามารถในการสงสัยสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมของตนเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ใช้ในการสร้างทฤษฎีใหม่ของโลก
แต่ช่องว่างนี้กำลังดูแคบลงอย่างรวดเร็ว เราเห็นโครงการหลายแห่งเริ่มทดลองสร้าง AI Scientist ที่สามารถตั้งสมมติฐาน ออกแบบการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูล และเสนอทฤษฎีเบื้องต้นตามหลักฐาน ตัวอย่างสำคัญคือ DeepMind’s GFlowNet ห้องปฏิบัติการ AI ของ Microsoft และ Novo Nordisk และงานจาก MIT ที่ให้ระบบสร้างสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์อัตโนมัติ
สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือความรู้ใหม่แบบร่วมมือ (Human-AI Co-Creation) ซึ่งเป็นโมเดลที่ไม่ใช่การแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการเสริมสมองมนุษย์ มนุษย์ตั้งคำถาม เอไอค้นหาแบบแผน มนุษย์ตีความ เอไอปรับแบบจำลอง และความรู้ใหม่ก็เกิดขึ้นร่วมกัน
ความรู้ในอนาคตน่าจะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์แบบนี้ คือจากการปะทะกันระหว่างปัญญามนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น การดำรงอยู่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงยังสำคัญ และคุณภาพของคนที่คุยและคิดกับเอไอได้ดีจะยังคุณค่าในโลกของการทำงานอีกนาน
ทุกวันนี้ เอไอสามารถสร้างความรู้ใหม่ได้บางประเภท และกำลังขยายพรมแดนของความรู้มนุษยชาติอย่างรวดเร็ว เอไอเก่งในความรู้เชิงวิธีการ เชิงออกแบบ เชิงสังเคราะห์และเชิงทำนาย แต่ความรู้ที่ต้องการประสบการณ์ ความหมายและความเข้าใจแบบมนุษย์ยังคงต้องอาศัยคนเรา
ความรู้ใหม่ของโลกต่อจากวันนี้จึงไม่ใช่งานเดี่ยวของมนุษย์หรือเอไอ แต่เป็นงานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อีกมากในอนาคต







