'Agentic AI' เดิมพันใหม่ บททดสอบผู้นำองค์กรยุคดิจิทัล

Agentic AI ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์เทคโนโลยีของประเทศไทย แต่ความไม่พร้อมปรับตัวของผู้บริหารกำลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กร
KEY
POINTS
- Agentic AI กลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของผู้นำยุคดิจิทัล
- ผลสำรวจพบว่าผู้บริหาร 90% ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้น แต่มีเพียง 42% ที่เชื่อว่าองค์กรของตนมีความพร้อมสูง
- แม้ว่าองค์กรกว่า 60% จะลงทุนใน Agentic AI อย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบช่องว่างในการนำไปใช้จริงและความเข้าใจของพนักงาน
- เป็นความท้าทายของผู้นำในการสื่อสารและวางกลยุทธ์ด้านบุคลากร
- ความปั่นป่วนด้านทักษะของบุคลากรถูกระบุว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญ
- อนาคตขององค์กรขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นำในการใช้แนวทางที่ยึด "คนเป็นศูนย์กลาง" (people-first)
การมาของ Agentic AI กลายเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของผู้นำและผู้บริหารระดับสูง ที่ต้องเร่งก้าวให้ทัน ก่อนตกขบวนและตามไม่ทันคลื่นการเปลี่ยนแปลง...
ผลสำรวจ “Pulse of Change” โดย เอคเซนเชอร์ (Accenture) พบว่า กระแสที่องค์กรนำ Agentic AI มาปรับใช้ส่งผลให้ 90% ของผู้บริหารระดับสูงต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดเร็วขึ้นในปี 2568 แต่มีผู้บริหารจำนวนมากที่ยังขาดความมั่นใจว่าจะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้หรือไม่
ท่ามกลางภาวะทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เอื้ออำนวย 22% ของผู้บริหารระดับสูงคาดว่ารายได้จะชะลอตัวลงในปีนี้ และมีเพียง 42% ของผู้บริหารที่เชื่อว่าองค์กรของตนมีความพร้อมสูงในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ความไม่พร้อมปรับตัวของผู้บริหารกำลังส่งผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กร ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบุคลากร
ความสามารถผู้บริหารชี้วัดอนาคตองค์กร
ข้อมูลระบุว่า องค์กรมากกว่า 60% ลงทุนใน AI Agent อย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ ทั้งผู้บริหารและพนักงานต่างตระหนักถึงศักยภาพของ Agentic AI ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงองค์กรและกำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับเทคโนโลยีนี้
แม้ว่าองค์กรจะนำ Agentic AI มาใช้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีพนักงานจำนวนมากที่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการใช้เทคโนโลยีนี้ สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสื่อสารกับพนักงานให้ชัดเจน
อนาคตขององค์กรจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารในการนำ AI มาเสริมสร้างให้องค์กรมีความพร้อมในการปรับตัว โดยยึดคนเป็นศูนย์กลางและคิดอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย เปิดมุมมองว่า ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการลงทุนใน Agentic AI อย่างจริงจัง เพื่อช่วยให้องค์กรรักษาความสามารถในการแข่งขัน และปิดช่องว่างความไม่พร้อมในการปรับตัวให้หมดไป
ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค Agentic AI ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์เทคโนโลยีของประเทศ
แต่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยแนวทางที่เรียกว่า people-first หรือการให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรก
องค์กรที่ปรับใช้ AI ให้ครอบคลุมหลากหลายฟังก์ชัน และเสริมศักยภาพพนักงานทุกระดับให้สามารถใช้เครื่องมือ AI ได้เต็มที่ จะพลิกเกมการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาให้กลายเป็นโอกาส ด้วยการปรับเปลี่ยนคนให้เก่งขึ้น ไม่ใช่แค่ใช้เทคโนโลยี
ทักษะบุคลากรคือจุดอ่อน
เอคเซนเชอร์ เผยว่า เกิดช่องว่างความสามารถในการปรับตัว (Resilience Gap) ของผู้บริหารทั่วโลก โดย 90% ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2568 และ 84% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่กลับมีผู้บริหารเพียง 42% เท่านั้นที่รู้สึกว่าพร้อมรับมือ
ส่วน ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ช่องว่างของความสามารถในการปรับตัวส่งผลต่อผลประกอบการขององค์กร 22% ของผู้บริหาร คาดว่ารายได้จะชะลอตัวในปี 2568
อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์ เทคโนโลยีระดับสูง สินค้าและอุปกรณ์อุตสาหกรรม ประกันภัย และค้าปลีก ซึ่งผู้บริหาร 30% ในภาคส่วนเหล่านี้ มีแผนจะขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากความไม่แน่นอนด้านภาษีศุลกากร
พบด้วยว่า ความปั่นป่วนด้านทักษะของบุคลากรคือจุดอ่อน มีผู้บริหารเพียง 40% เท่านั้นที่รู้สึกว่าพร้อมรับมือกับความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น ลดลงจาก 46% ในเดือนม.ค.
ก้าวใหม่ยุค Agentic AI
Agentic AI คือยุคใหม่ของ Gen AI กว่า 60% ขององค์กรมีการลงทุนใน Agentic AI จึงเร่งให้มีการนำ AI ไปใช้อย่างมีนัยสําคัญ ผู้บริหาร 87% ยอมรับว่า กระบวนการทำงานยุคใหม่เกิดขึ้นได้ด้วย AI Agent และ Agentic AI ซึ่ง 86% อ้างว่า กําลังเตรียมความพร้อมด้าน Agentic AI ให้บุคลากร
อย่างไรก็ดี กระแสการลงทุนใน AI Agent สวนทางกับการนำมาใช้งานจริงทั่วโลก มีองค์กรเพียง 3 ใน 10 เท่านั้น ที่นำ AI Agent มาใช้งานอย่างจริงจังสำหรับงานในหน้าที่ต่าง ๆ รวมถึงนำร่องการใช้ในบางแผนก อุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำในการนำ AI Agent มาใช้คือ อุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศ เคมีภัณฑ์ และเทคโนโลยีชั้นสูง
โดยมีเพียง 36% ของผู้บริหารเท่านั้น ที่เชื่อว่าพวกเขามีกลยุทธ์ด้านบุคลากรที่เหมาะสมสำหรับการนำ AI Agent และ Agentic AI มาใช้
สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพบว่ามีการลงทุนใน Agentic AI อย่างจริงจัง โดย 63% ของผู้บริหารระดับสูงลงทุนในเทคโนโลยีนี้, 83% ของผู้บริหาร เชื่อว่าองค์กรมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสำหรับการนำ AI Agent และ Agentic AI เข้ามาใช้ และ 82% ของผู้บริหาร รู้สึกว่ากลยุทธ์การบริหารบุคลากรของตน สามารถรองรับการนำ Agentic AI มาใช้
ด้านการใช้งาน พบว่ามีการนำ Agentic AI และ AI Agent มาใช้เพิ่มขึ้น 57% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิก กำลังทดลองหรือเริ่มนำ AI Agent มาใช้งานจริง
แม้ว่าจะมีพนักงานในเอเชียแปซิฟิก 45% เท่านั้น ใช้ AI Agent เป็นประจำ แต่อัตราการเปิดรับถือว่าอยู่ในระดับสูง เพราะ 83% ให้ AI Agent ช่วยทำงานประจำซ้ำ ๆ ได้อย่างไม่กังวล และ 82% เชื่อว่า AI Agent ช่วยให้มีเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์หรืองานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
'5 กลยุทธ์' สำหรับผู้บริหารยุคใหม่
ดังที่กล่าวว่า ความสามารถผู้บริหารเป็นตัวกำหนดอนาคตขององค์กร ดังนั้นบทบาทของผู้นำที่สำคัญคือ
- ต้องยึดคนเป็นศูนย์กลาง แนวทางที่ให้ความสำคัญกับคนหรือบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญ ผู้นําที่มีความรับผิดชอบ จะให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ โดยใช้ AI เข้ามาช่วยเสริม ไม่ใช่แทนที่มนุษย์ ผู้นำควรมุ่งเน้นการลงทุนด้านการฝึกอบรมพนักงาน การให้พนักงานมีส่วนร่วม และการเพิ่มทักษะต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานมั่นใจ และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้
- ธรรมาภิบาลและจริยธรรม ผู้นำต้องยึดมั่นในความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ โปร่งใส และแน่ใจว่าระบบที่ใช้ AI สามารถอธิบายได้ ปราศจากอคติ และสอดคล้องกับค่านิยมทางสังคม ธรรมาภิบาลและจริยธรรมในองค์กรต้องอาศัยผู้นำที่มีความคล่องตัวและพร้อมเสมอสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และเสริมสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของทีม
- มีวิสัยทัศน์ที่คำนึงถึงผลในระยะยาว ผู้นําต้องแน่ใจว่าโครงการต่าง ๆ เกี่ยวกับ AI มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์และค่านิยมหลักขององค์กร ต้องสร้างสมดุลระหว่างการเปลี่ยนแปลงและการมีความรับผิดชอบ
- ส่งเสริมการกำกับดูแลและบริหารความเสี่ยง ผู้นำต้องบริหารความเสี่ยง เช่น ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความปลอดภัย และความรับผิดชอบของอัลกอริทึม รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ทำให้ AI สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม
- สื่อสารอย่างโปร่งใส เน้นการทำงานร่วมกัน ต้องสื่อสารอย่างชัดเจนว่าจะใช้ AI อย่างไร อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการนำ AI มาใช้ และสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โปร่งใส ในทุกขั้นตอนที่มีการใช้ AI ในองค์กร







