"ดีอี" ขู่หนัก "ค่ายมือถือ-ไอเอสพี" ยึดใบอนุญาต กดดันสกัดสัญญาณ "ห้ามรั่วข้ามแดน"

รมว.ดีอี เดินหน้ากดดันผู้ให้บริการมือถือ–อินเทอร์เน็ต หลังพบสัญญาณข้ามแดนยังถูกแก๊งสแกมเมอร์ใช้หลอกคนไทย ขู่หนักถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมสั่งขยายผลเส้นทางการเงิน หลังตำรวจยึดทรัพย์เครือข่ายฉ้อโกงทะลุหมื่นล้าน
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นการรั่วไหลของสัญญาณโทรคมนาคมในพื้นที่ชายแดน ซึ่งยังพบว่าเสาสัญญาณของผู้ให้บริการไทยมีการเล็ดลอดออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แม้จะถูกสั่งให้แก้ไขอย่างเข้มงวดก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
จากการตรวจสอบเสาสัญญาณชายแดนกว่า 160 ต้น พบว่าราว 50 เสา ถูกกลุ่มสแกมเมอร์ใช้ในการดำเนินกลโกงหลอกลวงคนไทย และมีหลักฐานดิจิทัลชัดเจนว่าเป็นช่องทางที่ถูกนำไปใช้ในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รายงานเพิ่มเติมว่าพบการลากสายอินเทอร์เน็ตข้ามประเทศ โดยเป็นไปได้ว่าเชื่อมโยงกับฐานปฏิบัติการของมิจฉาชีพในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นช่องทางสำคัญของเครือข่ายสแกมเมอร์ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่
นายไชยชนกย้ำว่า มติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุชัดว่า ต้องไม่มีสัญญาณจากไทยลอดออกประเทศเพื่อนบ้านโดยเด็ดขาด ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศเรื่องการสกัดสแกมเมอร์เป็น “วาระแห่งชาติ” จึงสั่งให้สำนักงาน กสทช. เข้ามากำกับอย่างเข้มที่สุด และให้ผู้ให้บริการปิดเสาสัญญาณปัญหาทันที หากตรวจพบอีกถือว่าเข้าขั้นละเมิดซ้ำ-จะถูกดำเนินการทางปกครองและถูกสั่งปรับได้ทันที
ตอนนี้เกินขั้นเตือนแล้ว หากยังตรวจพบอีก ก็ให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมายของ กสทช. เชื่อว่าผู้ให้บริการทุกค่ายรู้ดีว่าความเสี่ยงสูงแค่ไหน
นายไชยชนกกล่าวอีกว่า ทางสำนักงาน กสทช. ได้เรียกประชุมผู้ให้บริการทั้งมือถือและอินเทอร์เน็ตในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อรับฟังแผนแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนรายงานกลับมายังคณะกรรมการอีกครั้ง
รมว.ดีอี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” ที่ยึดทรัพย์สินได้กว่า 10,000 ล้านบาทว่า ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ขยายผลเส้นทางการเงินทันที โดยต้องตรวจสอบทุกบัญชีที่โยงใย ไม่ว่าบุคคลใดจะมีสถานะใด หากพบเกี่ยวข้องจะถูกดำเนินคดีทั้งหมดแบบโดมิโน่
เขาระบุว่า การเปิดเผยรายชื่อผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการเปิดโปงเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ตัวการใหญ่ถึงผู้สนับสนุนเบื้องหลัง ซึ่งช่วยให้ประชาชนเห็นกระบวนการยุติธรรมทำงานอย่างจริงจัง และจะสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกำลังผลักดันการแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์แบบถอนรากถอนโคน ไม่ใช่เพียงการไล่จับปลายทางอีกต่อไป
นอกจากนี้ แหล่งข่าวในกระทรวงดีอีเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือแนวทางเสริม เช่น การกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับเสาสัญญาณในพื้นที่เสี่ยง การบังคับผู้ให้บริการติดตั้งระบบตรวจจับ (Monitoring System) แบบเรียลไทม์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะ “Joint Cyber Border” เพื่อปิดช่องว่างทางเทคนิคทั้งหมด เนื่องจากเครือข่ายสแกมเมอร์มีพัฒนาการตลอดเวลา







