'ดีอี' เดินเกมกดดันแพลตฟอร์มยักษ์ จี้ปราบสแกม–มีระบบยืนยันตัวตน

'ดีอี' เดินเกมกดดันแพลตฟอร์มยักษ์ จี้ปราบสแกม–มีระบบยืนยันตัวตน

รัฐบาลลุยเข้มหลังอาชญากรรมออนไลน์โตไม่หยุด กระทรวงดีอีเรียก Facebook–TikTok ถกมาตรการยืนยันตัวตนและกลไกตรวจจับผิดกฎหมาย พร้อมสั่งจับตาธุรกิจสีเทาและรูปแบบผูกขาดโลจิสติกส์ในอีคอมเมิร์ซ ย้ำเดินคู่ทั้งนโยบายกดดันและบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด เพื่อหยุดการเอาเปรียบผู้บริโภคไทยบนโลกดิจิทัล

หลังจากรัฐบาลเดินเครื่องปฏิบัติการ “Cut Down Scam – สยบเครือข่ายค้าข้อมูลส่วนบุคคล” พร้อมประกาศเชิญผู้บริหาร Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook และ TikTok เข้าหารือปัญหาสแกมเมอร์และกลุ่มธุรกิจสีเทาที่เติบโตบนโลกออนไลน์ ล่าสุด นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เปิดเผยสาระสำคัญจากการพูดคุยกับทั้ง Facebook และ TikTok ย้ำรัฐบาลจะใช้ “นโยบายกดดัน-บังคับใช้กฎหมายจริงจัง” เดินคู่กัน เพื่อไม่ให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่เฉยต่อความเสียหายของประชาชนคนไทยอีกต่อไป

นายไชยชนก ระบุว่า ในการหารือกับ Facebook ไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา ล่าสุดทางแพลตฟอร์มได้รายงานว่า หลังจากมีการร่วมมือกับไทยในการจัดการปัญหาหลอกลวงออนไลน์และการซื้อขายไม่ตรงปกบน Marketplace ตัวเลขความผิดที่ตรวจจับได้ลดลงประมาณ 60% แม้ไทยยังรอข้อมูลเชิงลึกอย่างเป็นทางการ แต่ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นสัญญาณว่ามาตรการทางนโยบายเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ไทยต้องการให้เดินหน้าเร็วขึ้น คือ “ระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้ในประเทศไทย” โดยเสนอให้ Facebook สร้างตรารับรอง (verified) ให้บัญชีคนไทยที่ยืนยันตัวตนแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในธุรกรรมระหว่างผู้ใช้ไทยด้วยกัน และช่วยให้รัฐติดตามตัวผู้กระทำผิดได้แม่นยำขึ้น

'ดีอี' เดินเกมกดดันแพลตฟอร์มยักษ์ จี้ปราบสแกม–มีระบบยืนยันตัวตน

นอกจากนี้ กระทรวงดีอียังได้หยิบยกประเด็นการแข่งขันในตลาดดิจิทัลและโครงสร้างการขนส่งสินค้าออนไลน์ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการผูกขาดเข้ามาเอาเปรียบผู้ค้ารายย่อย รัฐบาลต้องการให้แพลตฟอร์มปรับความสมดุลเชิงพาณิชย์ระหว่างประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้ประกอบการท้องถิ่นในประเทศ

ด้านการหารือกับ TikTok รัฐมนตรีดีอีระบุว่า แม้ TikTok จะมีระบบการยืนยันตัวตนของร้านค้าอย่างเป็นทางการที่ค่อนข้างรัดกุม และให้ความร่วมมือในการปิดกั้นคอนเทนต์ผิดกฎหมายอย่างรวดเร็ว แต่ยังพบช่องโหว่สำคัญจากบัญชีทั่วไปที่สมัครด้วยอีเมลหรือเบอร์โทร และถูกนำไปใช้ขายสินค้าผิดกฎหมายได้ง่าย

เมื่อ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม สแกมเมอร์ยิ่งพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อหลบ AI เช่น ใช้คำแสลงหรือคำแทนสินค้า เช่น “ส้อมสแตนเลส” แทนบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ระบบตรวจจับตามไม่ทัน

กรณีล่าสุดที่นักศึกษาซื้อชุดประกอบปืนผ่าน TikTok คือสัญญาณเตือนว่า ช่องโหว่ใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง ทั้งรัฐและแพลตฟอร์มต้องไล่ให้ทันทุกเกมของอาชญากรไซเบอร์

เราจะเดินหน้า 2 แกน คือ ผลักดันเทคโนโลยีตรวจจับคอนเทนต์ทั้งซอฟต์แวร์และ AI ให้จริงจังยิ่งขึ้น และเร่งยกระดับกฎหมายให้มีบทลงโทษทันสมัย เด็ดขาด เพื่อให้แพลตฟอร์มต้องร่วมรับผิดชอบ ไม่ทำให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคไทยอีกต่อไป