แสงสว่างในตลาดไอทีไทย

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของเราต้องเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศผลัดกันเปิดฉากเจรจาต่อรอง กดดันกันไปมาอย่างไม่รู้จบ
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของโลกก็มีความตึงเครียดทางการทหารในหลายภูมิภาค ทั้งตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก แอฟริกา รวมถึงบ้านเราที่เกิดความขัดแย้งทางพรมแดนกับกัมพูชาเช่นกัน
นี่คือสภาวะโลกอึมครึม ที่ไม่ใช่แค่ฟ้าครึ้มฝน แต่คือความไม่แน่นอนที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ซึ่งทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาเป็นเงาตามตัว
แม้รัฐบาลพยายามผลักมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเหมือนนักดับเพลิงที่พยายามฉีดน้ำใส่เชื้อไฟ ซึ่งต้องใช้เวลา อาจเพราะคำถามใหญ่ที่สังคมยังตอบไม่ได้ เช่น จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เลือกตั้งอย่างไร จะมีใครมารับช่วงบริหารประเทศต่อ
เมื่อภาพอนาคตไม่ชัด นักลงทุนย่อม “ชะลอ” คนทั่วไปก็ “ชะงัก” ไม่กล้าใช้จ่ายเหมือนที่ผ่านมา กลไกเศรษฐกิจจึงหมุนช้าลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่ภาคธุรกิจอื่นยังซึมเซา แต่โลกไอทีดูเหมือนจะยังมีแสงสว่างให้เห็นอยู่ เพราะเทคโนโลยีได้กลายเป็นเครื่องยนต์หลัก ของเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาที่มูลค่าสูงที่สุดล้วนเป็นบริษัทเทคโนโลยีไม่ว่าจะ NVIDIA, Apple, Microsoft, Meta หรือ Amazon ทั้งหมดต่างสะท้อนเรื่องเดียวกันคือ “โลกเดินด้วยเทคโนโลยี”
เมืองไทยก็ไม่ต่างกัน และงานที่พิสูจน์ปรากฏการณ์นี้ได้ชัดที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ก็คืองาน Commart Thailand 2025 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสมรภูมิเทคโนโลยีที่ระอุที่สุด
ด้วยทุกแบรนด์ต่างยกกองทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม AI มาเปิดตัวชนกันโดยไม่มียั้งมือ ราวกับกำลังส่งสัญญาณให้คนไทยรู้ว่า ยุค AI ไม่ใช่อนาคต แต่เกิดขึ้นแล้วตอนนี้
แต่สิ่งที่เปลี่ยนฉากตลาดมากที่สุดคือความจริงที่ว่า เทคโนโลยี AI ไม่ได้จำกัดอยู่กับองค์กรใหญ่ หรือบริษัทที่ต้องการลงทุนแทนแรงงานอีกต่อไป แต่มันขยายไปสู่ผู้บริโภคทั่วไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อก่อนเราเคยมีสมาร์ทโฟนแต่วันนี้สิ่งที่เปิดตัวคือ AI Phone เราเคยมี “โน้ตบุ๊ก” แต่วันนี้คือ AI Laptop ที่มีฟีเจอร์ด้านการประมวลผลอัจฉริยะเต็มรูปแบบ
ผู้บริโภคไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นของเล่น แต่เริ่มมองว่า AI เป็นสิ่งจำเป็นทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
ทุกคนจึงไม่อยากตกขบวนรถไฟสายอนาคต และนั่นทำให้ดีมานด์ทางด้านประมวลผลเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนชิปหน่วยความจำก็เริ่มขาดตลาด ความเชื่อแบบปากต่อปากจึงเกิดขึ้นว่า ถ้าจะซื้อ ต้องรีบซื้อ เพราะราคาจะยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
กระแสนี้ผลักให้ผู้คนไหลเข้าช้อปในงานคอมมาร์ตวันแรกแบบล้นหลาม จนมีตัวเลขยอดขายเป็นประวัติการณ์ ทั้งร้านค้าปลีกและผู้จัดงานต่างยืนยันตรงกันว่าไม่เคยเห็นคิวแน่นตั้งแต่วันแรกของการจัดงานเหมือนในครั้งนี้
เศรษฐกิจไทยในภาพรวมอาจยังอึมครึมเพราะความผันผวนทางการเมืองและความไม่แน่นอนหลายด้านแต่ตลาดไอทีได้แสดงให้เห็นว่าความหวังยังมีอยู่
และเป็นความหวังที่มาจากกำลังซื้อจริง ไม่ใช่แรงเชียร์หรือมาตรการกระตุ้นชั่วคราว ซึ่งงานคอมมาร์ตครั้งนี้เป็นดัชนีที่เราวัดผลได้อย่างชัดเจน







