'การ์ทเนอร์' คาดในอีก 5 ปี ดาต้าเซนเตอร์ใช้ไฟพุ่ง 2 เท่า

"การ์ทเนอร์" คาดความต้องการพลังงานไฟฟ้าในดาต้าเซนเตอร์ เพิ่มขึ้น 16% ในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า
การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า ความต้องการพลังงานไฟฟ้าสำหรับดาต้าเซนเตอร์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 16% ในปี 2568 นี้ และจะเพิ่มเป็นสองเท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2573)
โดยนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ประเมินว่า การใช้ไฟฟ้าของดาต้าเซนเตอร์ ทั่วโลกจะเพิ่มจาก 448 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปี 2568 เป็น 980 TWh ภายในปี 2573
ลินลาน หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า แม้เซิร์ฟเวอร์ทั่วไปและโครงสร้างพื้นฐานจะมีส่วนสำคัญต่อการบริโภคพลังงานไฟฟ้าโดยรวมในดาต้าเซนเตอร์ แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกออกแบบหรือปรับแต่งมา
โดยเฉพาะเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือ AI-Optimized Servers นั้นกำลังผลักดันให้การใช้พลังงานในดาต้าเซนเตอร์เพิ่มสูงขึ้น โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า จาก 93 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปีนี้ เป็น 432 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ในปี 2573"
การ์ทเนอร์ คาดว่าปี 2568 การใช้พลังงานของ AI-Optimized Servers จะคิดเป็น 21% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในดาต้าเซนเตอร์
ขณะที่ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2573) จะเพิ่มเป็น 44% และเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะใช้พลังงานคิดเป็น 64% ของความต้องการบริโภคพลังงานที่เพิ่มขึ้นในดาต้าเซนเตอร์
สหรัฐ – จีนยัง ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI
เมื่อพิจารณาระดับภูมิภาค พบว่ามากกว่าสองในสามของความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในดาต้าเซนเตอร์มาจากสหรัฐอเมริกาและจีน
โดยที่จีนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าและมีการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า
ส่วนการใช้ไฟฟ้าจากดาต้าเซนเตอร์ของสหรัฐ คาดว่าจะเพิ่มจาก 4% เป็น 7.8% ของการใช้ไฟฟ้าในระดับภูมิภาคระหว่างปี 2568 ถึง 2573
ขณะที่ยุโรปจะเพิ่มขึ้นจาก 2.7% เป็น 5% โดยคาดว่าการเติบโตในจีนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะอยู่ในระดับปานกลาง
สถานการณ์ปัจจุบันที่เชื้อเพลิงฟอสซิลครองสัดส่วนหลักของการผลิตไฟฟ้าให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ นับเป็นแนวทางที่ไม่ยั่งยืน ดังนั้นทางเลือกพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ ไฮโดรเจนสีเขียว พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์โมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMRs) กำลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้น และภายในสิ้นทศวรรษนี้จะกลายเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้งานได้จริงสำหรับระบบไมโครกริดของดาต้าเซ็นเตอร์
โทนี่ ฮาร์วีย์ รองประธานและนักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า อีกไม่นานนี้ก๊าซธรรมชาติจะเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับดาต้าเซนเตอร์ แต่หากมองไกลไปอีกราว 3-5 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) เพื่อปรับสมดุลความผันผวนของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
แม้ว่าระบบไมโครกริดของพลังงานความร้อนใต้พิภพจะมีศักยภาพสูง แต่ด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่สูงและความท้าทายในการขออนุญาตจะทำให้ยังเป็นตัวเลือกเฉพาะกลุ่ม ณ เวลานี้







