ซีอีโออาลีบาบา ไม่กังวล ‘ฟองสบู่เอไอ’ ชี้ดีมานด์สูงกว่ากำลังผลิต เดินหน้าลงทุนต่อ

เอ็ดดี้ อู (Eddie Wu) ซีอีโออาลีบาบา ไม่กังวลเรื่องฟองสบู่เอไอ โดยชี้ว่า ความต้องการใช้งานจริงทั่วโลกยังเติบโตเร็วกว่าที่บริษัทจะขยายโครงสร้างพื้นฐานรองรับได้ทัน
KEY
POINTS
- เอ็ดดี้ อู ซีอีโออาลีบาบา ไม่กังวลเรื่องฟองสบู่เอไอ ชี้ว่า ความต้องการใช้งานจริงทั่วโลกยังเติบโตเร็วกว่าที่บริษัทจะขยายโครงสร้างพื้นฐานรองรับได้ทัน
- คาดการณ์ว่า ดีมานด์จะทำให้ทรัพยากรด้านนี้ขาดแคลนไปอีกอย่างน้อย 3 ปี โดยแรงขับเคลื่อนมาจากการใช้งานจริงในภาคธุรกิจต่างๆ ไม่ใช่แค่กระแส
- อาลีบาบายังคงเดินหน้าลงทุนเชิงรุกในโครงสร้างพื้นฐานเอไอต่อไป โดยซีอีโอกล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนที่เคยประกาศไว้อาจไม่เพียงพอ
เอ็ดดี้ อู (Eddie Wu) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา ระบุระหว่างการแถลงผลประกอบการไตรมาสสอง (25 พ.ย. 68) ว่า บริษัท “ยังไม่เห็นว่ากระแสเอไอกำลังกลายเป็นฟองสบู่ หรือมีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ” พร้อมย้ำว่า ความต้องการใช้งานเอไอในจีนและทั่วโลกยังเติบโตเร็วกว่าความสามารถในการขยายโครงสร้างพื้นฐานของอาลีบาบาเอง
อูยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความต้องการใช้งานเอไอในหมู่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากจนบริษัทตามไม่ทัน โดยความเร็วในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใหม่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ พร้อมคาดการณ์ว่า ในอีกสามปีข้างหน้าทรัพยากรด้านเอไอจะยังอยู่ในภาวะขาดแคลน
นอกจากนี้ แรงขับเคลื่อนความต้องการไม่ได้มาจากความคึกคักเชิงกระแส แต่เกิดจากการใช้งานจริงในหลายภาคส่วน เช่น การพัฒนาสินค้า การผลิต และงานสนับสนุนธุรกิจต่างๆ โดยโมเดลเอไอ Qwen ของอาลีบาบา มียอดดาวน์โหลดเกิน 10 ล้านครั้งภายในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว
ผลประกอบการและโครงสร้างพื้นฐานเอไอ
อาลีบาบารายงานรายได้ 247.8 พันล้านหยวน (ประมาณ 34.8 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 68 เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 20.6 พันล้านหยวน ลดลง 53% จากปีก่อน สาเหตุจากต้นทุนด้านเอไอและธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากปีก่อน
ธุรกิจคลาวด์ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์ม Qwen เป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 34% เป็น 39.8 พันล้านหยวน จากการใช้บริการคลาวด์และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเอไอที่เพิ่มขึ้น
ซีอีโออาลีบาบาระบุว่า บริษัทวางแผนจะลงทุนเชิงรุกในโครงสร้างพื้นฐานเอไอเพื่อรองรับความต้องการ โดยก่อนหน้านี้บริษัทประกาศในเดือนก.พ. ว่าจะลงทุน 380 พันล้านหยวนในช่วงสามปี เพื่อขยายความสามารถด้านเอไอเพิ่มเติม
“ตัวเลข 380 พันล้านหยวนที่เคยประกาศไว้ อาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำ” อู กล่าว โดยหุ้นของอาลีบาบาเพิ่มขึ้นมากกว่า 86% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
ความเห็นต่างเรื่องฟองสบู่เอไอ
อย่างไรก็ตาม คำให้สัมภาษณ์ของอูแตกต่างจากมุมมองของ โจไช่ (Joe Tsai) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ซึ่งเคยระบุในการประชุม HSBC Global Investment Summit ว่า เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างของฟองสบู่ โดยเฉพาะการเร่งสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมากของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั่วโลก เช่น ไมโครซอฟท์ อะเมซอน กูเกิล และเมตา ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะใช้จ่ายรวมกันถึง 320 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไอ
ประเด็นฟองสบู่เอไอกลายเป็นเรื่องที่ผู้บริหารในอุตสาหกรรมให้ความเห็นต่างกันอย่างชัดเจน โดยบางส่วนไม่เห็นด้วยกับความกังวลนี้ เช่น เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของอินวิเดีย ที่กล่าวว่า มุมมองของบริษัท “ต่างไปจากภาพฟองสบู่ที่หลายคนพูดถึง”
ขณะที่บางรายเลือกมองแบบระมัดระวังมากขึ้น แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของโอเพนเอไอ กล่าวเมื่อเดือนส.ค. ว่า ความตื่นตัวของนักลงทุนเดินนำหน้าความเป็นจริงไปมาก โดยมองว่ากระแสเอไอยังเป็นสิ่งสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่การคาดหวังของตลาดอาจสูงเกินไปในระยะสั้น
อ้างอิง: Business Insider







