หัวเว่ยชี้ 'Digital Intelligence' อาวุธขับเคลื่อนไทยสู่ 'Digital Hub' อาเซียน

"หัวเว่ย" ชี้ "Digital Intelligence" อาวุธสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทย แนะเร่งแก้โจทย์ "ข้อมูล" และ "พลังงาน" ปูทางสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
KEY
POINTS
- 'Digital Intelligence' เป็นอาวุธสำคัญในการสร้างความสามารถทางการแข่งขันและผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Digital Hub ของอาเซียน
- ความสำเร็จของ Digital Intelligence และ AI ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
- ความท้าทายสำคัญคือ ความปลอดภัย อธิปไตยข้อมูล และการควบคุมการเข้าถึง
- การเติบโตของ AI ทำให้เกิดความต้องการ AI Data Center ซึ่งใช้พลังงานสูงกว่าเดิมมหาศาล
- การจะบรรลุเป้าหมายได้ต้องเน้นการพัฒนา AI สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เพื่อสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง
ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดมุมมองบนเวทีสัมมนา “PostToday Thailand Smart City 2026: Data Center - พลิกประเทศ” ว่า Digital Intelligence คืออาวุธสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
ที่ผ่านมา การพัฒนาประเทศในแต่ละยุคสมัย มีเทคโนโลยีหลัก 2 สายที่เป็นตัวขับเคลื่อนเสมอมา ได้แก่ เทคโนโลยีด้าน IT/ICT และเทคโนโลยีด้านพลังงาน ในอดีตเทคโนโลยีทั้งสองสายนี้อาจไม่มีความเกี่ยวพันกันโดยตรง แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์และการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างเทคโนโลยีทั้งสองชัดเจนยิ่งขึ้น
วันนี้คงไม่สามารถกล่าวถึง AI, Digital Intelligence, หรือ Cloud Infrastructure ได้เลยหากไม่กล่าวถึงเรื่องพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นความยั่งยืน
หัวเว่ยมีมุมมองว่า Digital Intelligence คืออาวุธสำคัญที่ช่วยให้ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐสามารถสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แม้ว่า AI จะเป็น "พระเอก" แต่ AI ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหลายชั้น
โดยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ ดาต้า การสร้างความสำเร็จจำเป็นต้องมีแผนในการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี ขณะเดียวกันการมีข้อมูลคุณภาพดีจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านสู่ AI
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงและสิ่งที่ต้อง "Check and Balance" ที่สำคัญยังมี “ความเสี่ยงด้านข้อมูล” เพราะข้อมูลในยุคนี้ประกอบด้วยทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้าง (Structured) และไม่มีโครงสร้าง (Unstructured) ซึ่งนำมาสู่ความท้าทายด้านความปลอดภัย การควบคุมการเข้าถึง อธิปไตยข้อมูล และอคติ
การบรรลุเป้าหมายในเส้นทางดิจิทัลของไทยต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ ทั้งด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ การบริหารจัดการข้อมูล และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ประเมินขณะนี้นับว่าประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแรง จากทั้งเครือข่าย 5G ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลกซึ่งสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ในหลากหลายมิติ ได้เห็นด้วยว่าความต้องการใช้ AI ทำให้เกิดความต้องการดาต้าเซนเตอร์ที่มหาศาลและไม่ใช่ดาต้าเซนเตอร์ทั่วไป แต่เป็น AI Data Center
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ความท้าทายด้านพลังงาน เนื่องจาก AI GPU มีความเร็วสูงกว่าชิปเซ็ตในรุ่นเก่าเป็นหลักร้อยเท่า จึงใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่ามหาศาล ทำให้จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่สามารถจัดหาพลังงานจากแหล่งที่ยั่งยืนรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดความเสถียรของพลังงาน
สำหรับการนำ AI มาประยุกต์ใช้ หัวเว่ยเน้นสร้าง Industry Specific AI ไม่ใช่ AI ทั่วไป โดยเป็นการโฟกัสในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การเงิน การผลิต ค้าปลีก หรือการดูแลสุขภาพ ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศได้โดยตรง







