'AI' โตแซง 'กรอบกำกับดูแล' เสี่ยงเผชิญ 'วิกฤติความเชื่อมั่น' องค์กร

AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โตเร็วแซงหน้ากรอบกำกับดูแล SAS–IDC เตือนเสี่ยงเกิด “วิกฤติความเชื่อมั่น” ต่อองค์กร และกลุ่มธนาคาร
KEY
POINTS
- การเติบโตของ AI ที่รวดเร็วกว่ากรอบการกำกับดูแลอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านคอมไพลแอนซ์ การลงทุนที่ไม่คุ้มค่า และกระทบต่อความไว้วางใจของผู้บริโภค
- ผลสำรวจชี้ว่า เกือบครึ่งขององค์กรในเอเชียแปซิฟิก กำลังเผชิญ "ภาวะความไว้วางใจที่สั่นคลอน"
- เกิดช่องว่างระหว่างความมั่นใจในการใช้ AI กับความน่าเชื่อถือที่แท้จริงของระบบ
- องค์กรที่สามารถสร้างระบบ AI ที่น่าเชื่อถือ และมีกรอบกำกับดูแลที่มั่นคง จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน
สถานการณ์ที่ AI โตเร็วแซงหน้ากรอบการกำกับดูแล มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเกิด "วิกฤติความเชื่อมั่น" ต่อองค์กร…
ผลการศึกษาล่าสุดว่าด้วยการใช้งาน ผลกระทบ และความน่าเชื่อถือของ AI “IDC Data and AI Impact Report: The Trust Imperative” โดย แซส (SAS) ผู้ให้บริการด้านข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ ไอดีซี ชี้ว่า
การเติบโตที่เร็วกว่าเงื่อนไขด้านการกำกับดูแล และความน่าเชื่อถือของ AI อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านคอมไพลแอนซ์ การลงทุนที่ไม่คุ้มค่า และผลกระทบต่อความไว้วางใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ถูกกำกับเข้มข้น เช่น ธนาคารประกัน หน่วยงานรัฐ
ข้อมูลระบุว่า ผู้บริหารด้านไอที และธุรกิจมีความเชื่อมั่นใน Generative AI มากกว่าเทคโนโลยี AI รูปแบบอื่น อีกทั้งเกือบครึ่ง (47%) ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญ "ภาวะความไว้วางใจที่สั่นคลอน (Trust Dilemma)" หรือช่องว่างระหว่างความมั่นใจในการใช้ AI กับความน่าเชื่อถือจริงของระบบเหล่านี้
กระทบการลงทุนระยะยาว
ขณะที่ องค์กรธุรกิจในเอเชียจะเป็นกลุ่มที่นำ Generative AI และ Agentic AI มาใช้เร็วที่สุดในโลก (Fastest Adopters) แต่กรอบของการกำกับดูแล ความสามารถในการอธิบายการทำงานของ AI (Explainability) และระดับความพร้อมด้านข้อมูล (Datra Maturity) กลับไม่ได้พัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน
ความไม่สอดคล้องนี้อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนด้าน AI ในระยะยาว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เช่น ธนาคาร ประกันภัย และภาครัฐ
แคธี แลงจ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยด้าน AI และระบบอัตโนมัติ ไอดีซี กล่าวว่า ผลการวิจัยชี้ให้เห็นความย้อนแย้งว่า เทคโนโลยี AI ที่มีปฏิสัมพันธ์คล้ายมนุษย์ และให้ความรู้สึกคุ้นเคยทางสังคม มักได้รับความเชื่อถือมากที่สุด ทั้งที่ความแม่นยำหรือความน่าเชื่อถืออาจไม่ได้สูงตามไปด้วย
ในฐานะของผู้ให้บริการ AI ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ใช้งานทั่วไป จำเป็นต้องตั้งคำถามว่า GenAI ได้รับความเชื่อมั่น หากแต่ GenAI น่าเชื่อถือจริงหรือไม่? และผู้นำองค์กรธุรกิจได้มีการวางมาตรการกำกับดูแล และแนวปฏิบัติด้าน AI ที่เหมาะสมให้กับเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้แล้วหรือยัง?
กลยุทธ์ 'ข้อมูล' ต้องเร่งจัดการ
ข้อมูลระบุว่า 47% ขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผชิญช่องว่างระหว่าง “ความเชื่อมั่นต่อ AI” กับ “ความน่าเชื่อถือของระบบ” ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับโลกเล็กน้อย (46%)
โดย สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยมีคะแนนความน่าเชื่อถือของ AI เฉลี่ยอยู่ที่ 2.93 และคะแนนผลกระทบอยู่ที่ 3.30 สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง หากแต่ยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้อีกมาก
ขณะที่ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ คือ ผู้นำของภูมิภาคด้วยคะแนนความเชื่อมั่นใน AI รวมถึงความเชื่อมโยงกับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงที่สุด (ด้วยคะแนนความเชื่อมั่น 3.01 และคะแนนผลกระทบ 3.53)
ที่น่าจับตามอง ภาคการธนาคารในเอเชียแปซิฟิก เป็นหนึ่งในกลุ่มที่นำ AI มาใช้มากที่สุดในโลก โดยกว่า 60% ของธนาคารระบุว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพของกระบวนการถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการใช้ AI แต่มีถึง 44% ที่ยังขาดความพร้อมด้านการกำกับดูแลข้อมูลอย่างเป็นระบบ
หากมองถึงอุปสรรคสำคัญ ได้แก่ สภาพแวดล้อมข้อมูลบนคลาวด์ที่ยังไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสม (49%) และการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI (41%)
สร้างความเชื่อมั่น ชิงความได้เปรียบ
รายงานชี้ว่า ความเชื่อมั่น คือ ความได้เปรียบเชิงการแข่งขันรูปแบบใหม่ องค์กรธุรกิจที่มีระบบ AI ที่น่าเชื่อถือสูง มักสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ดีกว่าอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่องค์กรที่พึ่งพาระบบซึ่งยังไม่พิสูจน์ความน่าเชื่อถือมีความเสี่ยงต่อความไร้ประสิทธิภาพและช่องว่างในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance)
ลูก้า สปิเนลลี กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียนของ แซส กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลายเป็นหนึ่งในตลาด AI ที่มีพลัง และความเคลื่อนไหวมากที่สุดในโลก แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความเชื่อมั่นถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามได้
องค์กรที่ก้าวหน้าที่สุด ซึ่งฝังแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลข้อมูล ความโปร่งใสของโมเดล และจริยธรรม AI คือ หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด
สำหรับสถาบันการเงินในเอเชีย การมี AI ที่น่าเชื่อถือจะเป็นตัวกำหนดความแตกต่างเชิงการแข่งขัน การวางกรอบกำกับดูแลที่มั่นคงไม่ใช่เพียงการทำให้สอดคล้องตามกฎระเบียบ แต่เป็นรากฐานของนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความไว้วางใจจากลูกค้า
งานวิจัยนี้อ้างอิงจากการสำรวจระดับโลกที่มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,375 คน ครอบคลุมภูมิภาคอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และผู้นำหน่วยธุรกิจ ทำให้ได้มุมมองทั้งด้านเทคโนโลยี และธุรกิจ
นอกจากนี้ การสำรวจยังแนะนำเกณฑ์มาตรฐานใหม่ เช่น AI Trustworthy Index และ AI Impact Index เพื่อวัดความพร้อมด้านการกำกับดูแล และผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







