ไมโครซอฟท์เปิดตัวทีม MAI Superintelligence เน้นเทคโนโลยีที่ฉลาดอย่างมีขอบเขต

ไมโครซอฟท์ประกาศจัดตั้งทีมใหม่ MAI Superintelligence เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง เป้าหมายคือ การสร้าง Humanist Superintelligence ซึ่งเป็นเอไอที่ฉลาดมาก แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ และมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
KEY
POINTS
- ไมโครซอฟท์ประกาศจัดตั้งทีมใหม่ MAI Superintelligence นำโดย มุสตาฟา ซูลัยมาน เพื่อพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง
- เป้าหมายหลักคือ การสร้าง Humanist Superintelligence ซึ่งเป็นเอไอที่ฉลาดมากแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ และมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
- บริษัทจะไม่มุ่งสร้างปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) แต่จะเน้นพัฒนาเอไอเฉพาะทางที่แก้ปัญหาได้จริงในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ พลังงาน และการศึกษา
ไมโครซอฟท์ ประกาศตั้งทีมวิจัย และพัฒนา MAI Superintelligence เพื่อมุ่งสู่การสร้างปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง หลังเมตาเปิดตัวห้องแล็บซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่เดือน
ทีมใหม่นี้นำโดย มุสตาฟา ซูลัยมาน (Mustafa Suleyman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเอไอของไมโครซอฟท์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท DeepMind ซึ่งภายหลังถูกกูเกิลเข้าซื้อกิจการ
ซูลัยมาน เขียนบล็อกโพสต์อธิบายแนวคิด Humanist Superintelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีมนุษยธรรม หมายถึง การสร้างเอไอที่ฉลาดมาก แต่ยังอยู่ในกรอบที่มนุษย์ควบคุมได้ และมุ่งพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
Humanist Superintelligence: เอไอที่มีขอบเขต และมีจุดมุ่งหมาย
ซูลัยมาน อธิบายว่า ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกกำลังแข่งกันสร้างเอไอที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ ไมโครซอฟท์กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป คือ พัฒนาเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในขอบเขตของมนุษย์
จุดมุ่งหมายของบริษัทคือ ให้เอไอเป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก ไม่ใช่เพื่อแสดงศักยภาพว่าใครสร้างระบบที่ฉลาดกว่าได้เร็วที่สุด
เขาตั้งคำถามว่า โลกกำลังเร่งสร้างเอไอให้ฉลาดขึ้นทุกวัน แต่มีไม่กี่คนที่ถามว่า “เราต้องการมันไปเพื่ออะไร” สำหรับซูลัยมาน คำตอบคือ ถึงเวลาที่มนุษย์ต้องกำหนดทิศทางเทคโนโลยีให้ชัดเจน ว่ามันควรรับใช้มนุษย์ ไม่ใช่แทนมนุษย์
ไม่ไล่ตาม AGI แต่พัฒนาเอไอเฉพาะทาง
ซูลัยมาน ชี้ว่า เอไอในปัจจุบันพัฒนาไกลเกินกว่าระบบช่วยคิดหรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป กำลังเข้าใกล้ระดับซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ที่อาจทำได้ดีกว่ามนุษย์ในหลายด้าน แต่ไมโครซอฟท์จะไม่มุ่งสร้างปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) ที่ทำได้เท่ามนุษย์ทุกเรื่อง เพราะยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะควบคุมเทคโนโลยีระดับนั้นได้อย่างไร
แทนที่จะไล่ตาม AGI บริษัทตั้งเป้าพัฒนาเอไอเฉพาะด้านที่แก้ปัญหาได้จริง เช่น ด้านการแพทย์ พลังงาน และการศึกษา โดยให้ระบบเหล่านี้ทำงานภายใต้การดูแลของมนุษย์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ซูลัยมานยอมรับว่า ความท้าทายใหญ่ที่สุดของยุคเอไอคือ การทำให้เทคโนโลยีที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองไม่หลุดจากการควบคุม โดยเสนอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย และค่านิยมของเอไอให้สอดคล้องกับหลักมนุษย์นิยม เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าเอไอที่พัฒนาไปเรื่อยๆ จะยังคิดเหมือนคนเสมอไป
“เทคโนโลยีใดที่ไม่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคน ถือเป็นความล้มเหลวของเทคโนโลยีนั้น” ซูลัยมานเขียนไว้ในบล็อกโพสต์
สามทิศทางของ Humanist Superintelligence
- ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะคือ ระบบที่เข้าใจบริบท และความต้องการของผู้ใช้ ช่วยจัดการงาน และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน โดยไม่แทนที่การตัดสินใจของมนุษย์
- เอไอด้านการแพทย์ เป็นระบบวิเคราะห์ข้อมูล และช่วยวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ ตัวต้นแบบที่ชื่อ MAI-DxO ทำคะแนนทดสอบการวินิจฉัยโรคได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของแพทย์มนุษย์หลายเท่า
- เอไอด้านพลังงานสะอาด เทคโนโลยีที่ช่วยออกแบบระบบผลิต และจัดเก็บพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยซูลัยมานคาดว่า ภายในปี 2583 โลกจะสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาย่อมเยาได้จริง
ท้ายบทความ ซูลัยมานย้ำว่า จุดยืนของไมโครซอฟท์ชัดเจน บริษัทจะสร้างเอไอที่อยู่ “ข้างมนุษย์” และอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ เขาเชื่อว่าอนาคตของเทคโนโลยีจะปลอดภัย และมีคุณค่าได้ ก็ต่อเมื่อมันช่วยให้มนุษย์ฉลาดขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และไม่ถูกแทนที่โดยเครื่องจักร
ศึกซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ระหว่าง Meta และ OpenAI
การเปิดตัวทีม MAI Superintelligence เกิดขึ้นในช่วงที่วงการเทคโนโลยีทั่วโลกกำลังเร่งแข่งขันกันพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับเหนือมนุษย์ เพื่อครอบครองความเป็นผู้นำในยุคเอไอ
ก่อนหน้านี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของเมตา ได้เปิดตัว Meta Superintelligence Lab โดยมี อเล็กซานเดอร์ หวัง (Alexandr Wang) ผู้ก่อตั้งบริษัท Scale AI เป็นหัวหน้าทีมหลัก เป้าหมายคือ การผลักดันงานวิจัยให้ไปถึงระดับปัญญาเหนือมนุษย์ เพื่อให้เมตาก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเอไอในอนาคต
ในบันทึกภายในองค์กร ซักเคอร์เบิร์ก ระบุว่า “ความก้าวหน้าของเอไอกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์เริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น ผมเชื่อว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของมนุษยชาติ และเมตาจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อนำหน้าในเส้นทางนี้”
แต่เส้นทางของเมตาไม่ได้ราบรื่นนัก เดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คนจากฝ่ายซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ สะท้อนแรงกดดันจากต้นทุนมหาศาล และความไม่แน่นอนของทิศทางการพัฒนาเอไอระดับสูง
การปลดพนักงานครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการทบทวนยุทธศาสตร์ เนื่องจากโครงการต้องใช้ทรัพยากรขนาดใหญ่ทั้งด้านเงินทุน และบุคลากร
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ไมโครซอฟท์ตั้งทีมของตนเองในช่วงเวลาใกล้กัน เป็นทั้งการตอบรับการแข่งขัน และการวางแนวทางที่ต่างออกไป โดยเน้น “เอไอที่อยู่ข้างมนุษย์” แทน “เอไอที่เหนือมนุษย์”
ต่างจากเมตาที่มองว่าซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์คือ จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของมนุษยชาติ ไมโครซอฟท์กลับมองว่าเทคโนโลยีต้องอยู่ภายใต้กรอบของจริยธรรม ความปลอดภัย และความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เอไอกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ในอนาคต
อ้างอิง: Microsoft Business Insider และ Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







