ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้พูดเรื่องเอไอมานาน?

ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้พูดเรื่องเอไอมานาน?

องค์กรไทยพูดเรื่องเอไอมากมาย แต่ยังใช้ไม่เป็นจริง ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ โจทย์ใหญ่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ “คน” การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเอไอ ต้องเริ่มจากวัฒนธรรมการทำงานใหม่

“วันนี้เราต้องถามตัวเองว่า มีใครในที่นี้สมัครใช้งาน AI tools แบบจ่ายเงินบ้าง?” นี่คือคำถามแรกที่ ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC เปิดเวทีในการบรรยายพิเศษให้กับผู้บริหารใน หลักสูตร AiM : AI Strategy for Management ซึ่งจัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ร่วมกับ "Skooldio"

แม้สังคมไทยจะเริ่มรู้จักและมีความตื่นตัวกับคำว่าเอไอมากขึ้น แต่เมื่อถามถึงการใช้งานจริง โดยเฉพาะการลงทุนจ่ายเพื่อใช้เครื่องมืออย่างเป็นทางการ กลับมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ทำ นี่คือจุดเริ่มต้นของการถอดรหัสว่า ทำไมประเทศไทยซึ่งมีการพูดถึงเอไออย่างกว้างขวาง กลับยังนำมาใช้ในเชิงธุรกิจได้ไม่เต็มที่

ศิริวัฒน์อธิบายว่า การไม่ขยับเรื่องนี้หมายถึง “การสูญเสียโอกาส” ซึ่งคู่แข่งพร้อมจะฉกไปแทน เพราะเครื่องมือแต่ละตัวในตลาดมีประสิทธิภาพสูงเกินกว่าจะมองข้ามได้ หากใครไม่ปรับตัวทัน ก็อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังในเวลาไม่นาน

ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้พูดเรื่องเอไอมานาน?

เอไอกำลังแบ่งแรงงานออกเป็นสองกลุ่ม

ศิริวัฒน์ ให้มุมมองว่า เอไอไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่กำลังเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานในองค์กรแบบถอนรากถอนโคน การทำงานในยุคเอไอกำลังแบ่งพนักงานออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน 

กลุ่มแรกคือ Assets หรือคนที่เรียนรู้และใช้เอไอได้คล่อง จนสามารถสร้างคุณค่าใหม่ให้องค์กร ส่วนอีกกลุ่มคือ Liabilities หรือคนที่ไม่ยอมใช้เอไอเลย กลายเป็นต้นทุนที่ถ่วงรั้งองค์กร

เขาย้ำว่า AI transformation ต้องเริ่มจาก “คน” ก่อน ไม่ใช่เริ่มจากเทคโนโลยี ต่อให้ผู้บริหารลงทุนซื้อเครื่องมือราคาแพงแค่ไหน หากพนักงานไม่มีแนวคิดที่พร้อมเปิดรับการเปลี่ยนแปลง เครื่องมือเหล่านั้นก็แทบไม่เกิดประโยชน์จริง

ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้พูดเรื่องเอไอมานาน?

เอไอกลายเป็นเพื่อนร่วมทีม

สิ่งที่น่าสนใจคือ เอไอไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่จะมาแย่งงานคน แต่คือ เพื่อนร่วมทีม ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้มนุษย์ทำงานได้มากกว่าที่เคย 

ตัวอย่างจาก MFEC เองสะท้อนชัดเจน ฝ่ายบัญชีซึ่งเคยมีทีมงาน 3 คนที่ทำงานมานานหลายปี แต่เมื่อองค์กรนำเอไอเข้ามาช่วยเสริม พนักงานเพียงหนึ่งคนที่ใช้เอไอได้คล่องกลับสามารถทำงานแทนทีมเดิมทั้งหมดได้

“ผลลัพธ์คือองค์กรประหยัดต้นทุนกว่า 3 เท่า” ศิริวัฒน์เล่า “นี่ไม่ใช่เพราะคนเก่าไม่มีประสิทธิภาพ แต่เพราะโลกการทำงานเปลี่ยนไป และเครื่องมือใหม่อย่างเอไอทำให้คนที่พร้อมใช้สามารถก้าวกระโดดเหนือกว่าคนที่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง”

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า องค์กรที่มองเอไอเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานจริงๆ จะสามารถยกระดับศักยภาพได้มหาศาล ในขณะที่องค์กรที่ยังไม่พร้อมจะพบว่าตนเองช้าลง ทั้งที่ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน

ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย?

แม้การใช้เอไอจะเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่ในความเป็นจริง หลายองค์กรกลับล้มเหลวในการนำมาใช้ ศิริวัฒน์ชี้ว่า จุดอ่อนสำคัญคือ การขาดกลยุทธ์ด้านข้อมูล (Data Strategy) ที่ชัดเจน ข้อมูลในหลายบริษัทถูกจัดเก็บแยกส่วนเป็นไซโล ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ได้

นอกจากนี้ หลายองค์กรยังหลงทาง โดยมุ่งใช้เอไอแค่เพื่อตอบโจทย์ productivity ระดับพื้นฐาน เช่นสรุปอีเมลหรือจัดตารางประชุม ซึ่งแม้จะสะดวกขึ้น แต่ไม่ได้สร้างความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริง

ขณะที่ปัญหาอีกประการคือ การไม่สามารถขยายผลให้ทั้งทีมเรียนรู้พร้อมกัน มักมีเพียงคนเก่งไม่กี่คนที่ใช้เอไอได้ดี แต่ไม่ถูกนำไปต่อยอดให้เกิดพลังร่วมของทั้งองค์กร

“เอไอไม่มีคำว่ามากเกินไป แต่สิ่งที่เป็นอันตรายจริงๆ คือการไม่ใช้เลย เพราะคุณไม่มีทางเพิ่มประสิทธิภาพได้ 3 เท่าในโลกที่เวลายังมีเพียง 24 ชั่วโมงเท่าเดิม”  ศิริวัฒน์กล่าว

ศิริวัฒน์ยังเตือนถึงกับดักสำคัญที่ทำให้องค์กรสะดุดในเส้นทางเอไอสามข้อใหญ่ คือ การใช้เพียงโมเดลเดียวโดยไม่เข้าใจความเหมาะสมของแต่ละงาน เช่น การใช้ ChatGPT ในทุกเรื่อง ทั้งที่บางโจทย์อาจเหมาะกับโมเดลอื่นมากกว่า การมองข้ามการนำเอไอไปใช้ในฟังก์ชันที่สร้างมูลค่าใหม่ และการจำกัดการใช้ไว้เพียงไม่กี่คนในทีมจนไม่เกิดผลลัพธ์ระดับองค์กร

อย่างไรก็ตาม การจะพาองค์กรก้าวพ้นกับดักเหล่านี้จึงต้องอาศัยการสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน ศิริวัฒน์แนะนำว่า อาจเริ่มจากการฝึกพร้อมท์ (prompt) พร้อมกันทั้งทีม ให้คนที่ยังไม่เก่งได้เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์มากกว่า การขับเคลื่อนแบบนี้จะทำให้เอไอไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น “วัฒนธรรมการทำงานใหม่” ขององค์กร

ศิริวัฒน์ MFEC ชี้ ทำไมหลายองค์กรยังไปไม่ถึงเป้าหมาย แม้พูดเรื่องเอไอมานาน?

“คน” คือสิ่งสำคัญ

แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าแค่ไหน ศิริวัฒน์ย้ำชัดว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อน AI transformation ไม่ใช่กระบวนการหรือเครื่องมือ แต่คือ คน

“ระหว่าง People, Process และ Technology สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ People” เขากล่าว “ถึงจะมีเครื่องมือที่ดีที่สุด แต่ถ้าคนไม่พร้อม องค์กรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

นี่คือเหตุผลที่ทำให้หลายองค์กรไทยยังติดอยู่ในจุดที่ awareness สูง แต่ adoption ต่ำ การรู้จักเอไอไม่เพียงพออีกต่อไป สิ่งที่ต้องทำคือการลงมือจริง และสร้างทัศนคติใหม่ทั้งองค์กร

ช่วงเวลานี้คือช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ศิริวัฒน์ทิ้งท้ายว่า ในอุตสาหกรรมเดียวกัน จะมีทั้งคนที่ “รุ่ง” และคนที่ “ร่วง” เกิดขึ้นพร้อมกัน ความต่างอยู่ที่ใครกล้าขยับปรับตัวก่อน การเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้เอไอได้ดี การกล้าผสมผสานคนเก่ากับคนใหม่อย่างลงตัว จะทำให้องค์กรไม่เพียงแค่รอด แต่ยังเติบโตในเกมธุรกิจยุคใหม่

“ช่วงวิกฤตจะมีทั้งคนที่รุ่งและร่วงพร้อมกัน ความต่างคือใครปรับตัวได้ทัน” ศิริวัฒน์ สรุปทิ้งท้าย