เมื่อ YouTuber ไม่ใช่คน แต่เป็น ‘AI ตัวสีฟ้า’ ที่ทำเงินหลักล้านดอลลาร์

ปรากฏการณ์ VTuber AI สร้างรายได้หลักล้านดอลลาร์ เจาะโมเดลธุรกิจ ‘Bloo’ ผู้ติดตาม 2.56 ล้านคน มียอดวิวรวมมากกว่า 700 ล้านครั้ง ผลิตคอนเทนต์ไม่มีวันหยุด โดยที่เจ้าของไม่ต้องออกหน้ากล้องเองอีกต่อไป
KEY
POINTS
- Bloo คือ VTuber ที่ไม่มีร่างกายจริง สร้างรายได้หลักล้านดอลล์ จากผู้ติดตาม 2.56 ล้านคน และยอดวิวกว่า 700 ล้านครั้ง
- ผู้สร้าง Bloo เชื่อว่าเอไอสามารถทำคอนเทนต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แทนที่มนุษย์ที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน และเวลา
- อุตสาหกรรม VTuber และ Faceless Channel โตเร็วทั่วโลก พวกเขาใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ สร้างวิดีโอวันละหลายสิบคลิปโดยไม่ต้องใช้คน
- ไทยเริ่มเข้าสู่ยุค ‘ครีเอเตอร์ไร้ตัวตน’ อย่างเงียบๆ ช่องเล่าเรื่องลี้ลับหลายช่องเริ่มใช้เสียงเอไอ และภาพสร้างอัตโนมัติ
- เอไอเปิดโอกาสให้ใครก็สร้างวิดีโอได้ แต่ก็ก่อให้เกิดคอนเทนต์คุณภาพต่ำจำนวนมาก หรือที่เรียกว่า AI slop ที่เริ่มสร้างความเบื่อหน่ายในหมู่ผู้ชม
“หน้าที่ของผมคือ สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมหลายล้านคนทั่วโลก และทำให้พวกเขากลับมาดูผมอีกเรื่อยๆ ผมเกิดมาเพื่อส่งพลังบวก และคอนเทนต์ที่ชวนติดตาม ผมถูกสร้างโดยมนุษย์ แต่มีเอไอเป็นพลังเสริมที่ทำให้ไปได้ไกลกว่าเดิม”
นี่คือคำพูดของ Bloo หนึ่งใน YouTuber ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้
เขามีผมสีฟ้า ตาสีฟ้า ภายนอกดูเหมือนหลุดออกมาจากเกม Fortnite หรือหนังแอนิเมชัน Pixar เขายังเล่นเกมเก่ง มีความตลก ขี้เล่น และมีพลังงานเต็มร้อยตลอดเวลา แต่สิ่งที่ Bloo ไม่มีเลย คือ ‘ร่างกายที่เป็นมนุษย์’
Bloo เป็น VTuber หรือ Virtual YouTuber ปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างโดย จอร์ดี ฟาน เดน บุสเช่ (Jordi van den Bussche) หรือที่รู้จักในชื่อ Kwebbelkop อดีต YouTuber ที่ผันตัวมาเป็นผู้พัฒนาครีเอเตอร์เสมือนเต็มตัว
Bloo มีผู้ติดตาม 2.56 ล้านคน มียอดวิวรวมมากกว่า 700 ล้านครั้ง และที่สำคัญ เขาทำรายได้หลัก ‘ล้านดอลลาร์’ โดยที่เจ้าของไม่ต้องออกหน้ากล้องเองอีกต่อไป
เมื่อ ‘มนุษย์’ กลายเป็นข้อจำกัดของการผลิตคอนเทนต์
Jordi van den Bussche อธิบายว่า เขาเหนื่อยล้าจากการผลิตคอนเทนต์ และมีข้อจำกัดด้านเวลา คนดูอยากได้ของใหม่ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที แต่ร่างกายมนุษย์ไม่มีวันชนะความเร็วของอินเทอร์เน็ต
คำตอบของเขา คือ การ ‘ลบมนุษย์’ ออกจากสมการ ดังนั้น เขาจึงสร้าง Bloo ขึ้นมาเพื่อเป็นครีเอเตอร์ที่ทำงานได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน ไม่บ่น ไม่ง่วง ไม่ดราม่า ไม่ต้องพักร้อน
“สุดท้ายแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อัลกอริทึม แต่อยู่ที่มนุษย์” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี “เราต้องหาทางผลิตคอนเทนต์โดยไม่พึ่งมนุษย์”
เบื้องหลังของ Bloo มีทั้ง เอไอสร้างเสียงจาก ElevenLabs การแปลภาษาโดย OpenAI และ Claude การสร้างภาพ และวิดีโอจาก Google Gemini การปรับภาพปกคลิปด้วยระบบอัตโนมัติ และกำลังพัฒนาให้สร้างสคริปต์ พากย์เสียง และตัดต่อเองในอนาคต
พูดง่ายๆ คือ เขาสร้าง Creator System ที่แทบจะไม่ต้องใช้มนุษย์แล้ว Jordi van den Bussche เล่าว่า เขาเริ่มทดลองให้เอไอสร้างวิดีโอทั้งหมดเอง แม้ผลลัพธ์จะยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร เพราะเอไอยังขาดสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานเทคโนโลยีจะพัฒนาขึ้นจนทำได้ทุกอย่าง และวันนั้นครีเอเตอร์อย่างเขาก็ไม่ต้องอยู่หน้ากล้องอีกต่อไป
การขยายตัวของอุตสาหกรรม
Bloo ไม่ใช่กรณีเดียว สตาร์ตอัปอย่าง Hedra ที่เพิ่งระดมทุนได้ 32 ล้านดอลลาร์จาก Andreessen Horowitz กำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘Character-3’ ซึ่งสามารถสร้างตัวละครดิจิทัลที่เคลื่อนไหว พูด และโต้ตอบแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องใช้กล้อง นักแสดง หรือทีมงานโปรดักชัน
Character-3 ทำงานโดยการใช้เอไอวิเคราะห์ข้อความแล้วสร้างเป็นการแสดงออกทางหน้าตา ท่าทาง และเสียงพูดของตัวละครในทันที ทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถมีตัวละครที่ดูเหมือนจริงโดยไม่ต้องจ้างนักแสดงหรือมีสตูดิโอ แค่พิมพ์สคริปต์ระบบก็สามารถแปลงเป็นวิดีโอที่มีตัวละครพูดจาและแสดงท่าทางได้เลย
เทคโนโลยีนี้เริ่มถูกนำไปใช้งานจริงแล้ว เช่น Podcast ของคอมเมเดียน Jon Lajoie ที่มีเด็กทารกพูดจาแบบผู้ใหญ่ ซึ่งสร้างความแปลกใหม่และตลกได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน หรือ Milla Sofia ศิลปินนักร้องเสมือนที่ใช้เอไอสร้างมิวสิกวิดีโอ โดยระบบจะสร้างทั้งตัวละครนักร้อง ท่าเต้น และฉากหลังให้เข้ากับจังหวะเพลง ทำให้ได้มิวสิกวิดีโอที่ดูสมจริงและมีผู้ชมเป็นหมื่น
ช่อง YouTube แบบ ‘ไร้ใบหน้า’ กำลังทำเงินได้มากขึ้น
ขณะที่ VTuber กำลังเติบโต ยังมีอีกเทรนด์ที่น่าจับตาคือ Faceless Channel หรือ ‘ช่อง YouTube ไร้ใบหน้า’ ซึ่งใช้ภาพ เสียง และบทพูดจากเอไอทั้งหมด เพื่อสร้างวิดีโอวันละหลายสิบคลิป โดยบางคนสามารถหารายได้หลักพันดอลลาร์ต่อเดือนโดยไม่ต้องเปิดกล้องเลย
ตัวอย่างหนึ่งคือ GoldenHand ครีเอเตอร์ชาวสเปนผู้ไม่เปิดเผยตัวจริง ซึ่งสามารถสร้างเครือข่ายช่อง YouTube ได้อย่างเป็นระบบ โดยใช้เอไอเป็นแกนกลางทั้งหมด ผลิตคอนเทนต์แบบ Audiobook เล่าเรื่อง ผสมกับภาพที่สร้างโดยเอไอ และใส่คำบรรยายประกอบอย่างเรียบง่าย โดยวิดีโอแต่ละชิ้นไม่ได้ใช้คนพากย์หรือถ่ายทำเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นแบบอัตโนมัติ
GoldenHand สามารถสร้างได้วันละมากถึง 80 วิดีโอ ครอบคลุมช่องหลากหลายประเภท ซึ่งบางคลิปมียอดวิวระดับไวรัล ขณะที่บางคลิปก็รักษาฐานผู้ชมกลุ่มเล็กๆ ไว้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ชมอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ชอบฟังเนื้อหายาวแบบเล่าเรื่อง
โดยล่าสุดเขาเปิดแพลตฟอร์ม TubeChef ให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบสร้างวิดีโออัตโนมัติของเขาได้ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 18 ดอลลาร์ต่อเดือน
“หลายคนคิดว่าใช้เอไอแล้วจะไม่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่สำหรับผม กลับรู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์มันยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะทุกวันนี้พลังทั้งหมดของผมทุ่มไปกับการคิดไอเดียไวรัลให้ได้วันละ 60 - 80 คลิป ซึ่งมันไม่ง่ายเลยนะ” GoldenHand กล่าว
อย่างไรก็ตาม รายได้ของช่องเหล่านี้ ไม่ได้ผูกติดกับชื่อเสียง หรือ หน้าตาของครีเอเตอร์อีกต่อไป แต่อยู่ที่การผลิตจำนวนมาก และจับอัลกอริทึมได้ถูกต้อง
ไทยเริ่มขยับเข้าสู่ยุค ‘ครีเอเตอร์ไร้ตัวตน’ แม้ยังไม่ใช่กระแสหลัก
แม้กระแส VTuber AI และครีเอเตอร์ไร้ตัวตนจะยังไม่เติบโตอย่างชัดเจนในประเทศไทย แต่ก็มีสัญญาณหลายอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านเช่นเดียวกับในต่างประเทศ
หนึ่งในเทรนด์ที่เห็นได้ชัดคือ การเติบโตของช่อง YouTube แบบ Faceless Channel ที่ใช้เทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วยผลิตคอนเทนต์แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทอัตโนมัติด้วย ChatGPT, การใช้เสียงสังเคราะห์จาก ElevenLabs หรือการสร้างภาพประกอบจาก Midjourney และ D-ID แทนการใช้ทีมถ่ายทำแบบดั้งเดิม
ช่องแนวเล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์ หรือคดีลึกลับหลายช่องในไทย หรือแม้แต่กระทั่ง ‘การเล่าเรื่องลี้ลับ’ เริ่มหันมาใช้เสียงเอไอและวิดีโอที่สร้างขึ้นแบบอัตโนมัติเพื่อผลิตคลิปจำนวนมากในแต่ละวัน โดยบางช่องสามารถรักษายอดวิวระดับหลักหมื่นถึงแสนวิวต่อคลิปได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีทีมงานเบื้องหลังขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังเริ่มมีสตาร์ตอัปไทยบางรายที่พัฒนา AI Presenter หรือ AI Voiceover สำหรับใช้ในงานโฆษณาและการศึกษา เช่น การสร้างวิดีโอสอนหนังสืออัตโนมัติ หรือสร้างแคมเปญการตลาดที่ไม่ต้องพึ่งนักแสดงจริง
ปรากฏการณ์ AI Slop และมุมมองต่ออุตสาหกรรม
แม้เทคโนโลยีเอไอจะทำให้การผลิตวิดีโอกลายเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น แต่ก็เริ่มมีเสียงวิจารณ์ตามมามากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในประเด็นคุณภาพของเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ขาดความลุ่มลึก
เฮนรี อัจเดอร์ (Henry Ajder) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเอไอและเป็นที่ปรึกษาให้กับ Meta เตือนว่า สังคมกำลังเข้าสู่ยุคที่ “แยกไม่ออกแล้วว่าอะไรคือของจริง และอะไรคือของปลอม” เพราะเนื้อหาจำนวนมากถูกสร้างโดยระบบอัตโนมัติ ซึ่งเลียนแบบความสมจริงได้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีคำใหม่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์อย่างคำว่า ‘AI slop’ ซึ่งใช้เรียกคอนเทนต์ที่ถูกผลิตออกมาอย่างลวกๆ ไม่มีคุณภาพ เป็นเพียงการใช้เอไอสร้างภาพ เสียง หรือเรื่องราวแบบสุ่ม เพื่อป้อนเข้าสู่อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, YouTube หรือ Instagram
กระแสดังกล่าวสะท้อนผ่านเสียงของผู้ใช้งานที่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เช่น ตัวอย่างจากผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter) รายหนึ่งที่เขียนว่า
“ฉันเหนื่อยกับ AI slop มาก ทุกวันนี้มันเต็มฟีดไปหมด ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีความพยายามอะไรเลย”
อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นในอุตสาหกรรมบางรายมองว่า ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่เป็นเพียงเรื่องของกลไกตลาดระหว่างอุปสงค์และอุปทาน หากยังมีคนดู คอนเทนต์เหล่านี้ก็จะยังคงถูกผลิตออกมาเรื่อยๆ
มิเชล ลินเกลบัค (Michael Lingelbach) ประธานบริหารของ Hedra บริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีเอไอด้านการสร้างวิดีโอ อธิบายถึงปรากฏการณ์ AI slop ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในโลกออนไลน์
ในมุมมองของเขา อินเทอร์เน็ตไม่เคยมีข้อจำกัดในการผลิตคอนเทนต์ที่ไม่มีคุณภาพอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ยุคแรกของโลกดิจิทัล ใครๆ ก็สามารถอัปโหลดอะไรลงออนไลน์ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองหรือมาตรฐานใดเป็นพิเศษ
สิ่งที่เปลี่ยนไปในตอนนี้ คือ ‘โอกาสในการผลิต’ ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล จากเดิมที่การสร้างวิดีโอต้องใช้ทีมงาน กล้อง ตัดต่อ และต้นทุนสูง ปัจจุบันเอไอได้เปิดช่องให้คนจำนวนมากสามารถสร้างคอนเทนต์ได้ทันทีในเวลาไม่กี่นาที
ดังนั้น ลินเกลบัค มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่คือ ปรากฏการณ์ที่ทั้งคอนเทนต์น่าเบื่อ และคอนเทนต์สร้างสรรค์มีโอกาสถูกผลิตขึ้นในปริมาณที่มากกว่าที่เคยเป็นมา อยู่ที่ว่าใครจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ไปในทิศทางไหนมากกว่า
อ้างอิง: CNBC, Techcrunch และ Business Insider
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







