เวียดนามผ่าน ‘กฎหมายเทค’ ฉบับแรกของโลก เปิดทางเอไอ - คริปโท ดันดิจิทัลโตยั่งยืน

เวียดนามผ่าน ‘กฎหมายเทค’ ฉบับแรกของโลก เปิดทางเอไอ - คริปโท ดันดิจิทัลโตยั่งยืน

เวียดนามเป็นประเทศแรกของโลก ที่ผ่านกฎหมายดิจิทัลแบบครบเครื่อง ครอบคลุมทั้ง AI, คริปโทเคอร์เรนซี, สตาร์ตอัป ในฉบับเดียว ด้วยคะแนนเสียงเกือบเป็นเอกฉันท์ 441 จาก 445 เสียง พร้อมตั้งเป้าสร้างบริษัทเทคโนโลยี 150,000 แห่ง

KEY

POINTS

  • เวียดนามเป็นชาติแรกที่ออกกฎหมายเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบเครื่อง มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.69
  • ตั้งเป้าสร้างบริษัทเทคโนโลยี 150,000 แห่ง เปลี่ยนจาก Made in Vietnam เป็น Tech by Vietnam 
  • สตาร์ตอัปได้เงินอุดหนุน 50% สำหรับซื้อเทคโนโลยี และพัฒนาโปรโตไทป์ บริษัทต่างชาติถ่ายทอดเทค ได้ลดภาษีนิติบุคคลระยะยาว
  • แยกประเภทสินทรัพย์เสมือนจากคริปโทเคอร์เรนซี เปิด Regulatory Sandbox ให้ธุรกิจ Blockchain, DeFi ทดสอบโมเดลใหม่ภายใต้การกำกับ
  • จัดตั้งโซนเทคโนโลยีพิเศษดึงดูดลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ - ซอฟต์แวร์ เปิดสำนักงานเทคเวียดนามในต่างประเทศเชื่อมโยงตลาดโลก

ประเทศแรกของโลกที่มีกฎหมายเฉพาะทางเพื่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ใช่สหรัฐ ไม่ใช่จีน แต่เป็น “เวียดนาม

ภาพของเวียดนามในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า อาจดูไกลตัวในวันนี้ แต่รัฐบาลเวียดนามกำลังวางแผนไว้อย่างชัดเจนว่า จะกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ คนรุ่นใหม่ทำงานในสายดิจิทัล มีสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีที่ได้รับการยอมรับตามกฎหมาย และมีเมืองเทคโนโลยีที่ผลิตชิป เซิร์ฟเวอร์ และซอฟต์แวร์เพื่อส่งออกทั่วโลก

ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นแค่ความฝัน แต่เริ่มต้นขึ้นแล้วจาก “แผนชาติสายเทค” ที่รัฐบาลเวียดนามใช้ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น เอไอ, ทรัพย์สินดิจิทัล, สตาร์ตอัป การพัฒนาแรงงานเทคโนโลยี ไปจนถึงการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ

กฎหมายฉบับนี้ชื่อว่า Digital Technology Industry Law สภาแห่งชาติชุดที่ 15 ลงมติเห็นชอบกฎหมายฉบับนี้ด้วยคะแนนเสียง 441 จาก 445 เสียง เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2569

มุมมองที่ต้องพิจารณาเมื่อเทียบกับประเทศอื่น 

หลายประเทศมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่เวียดนามกลายเป็นประเทศแรกที่รวบทุกอย่างไว้ในกฎหมายเดียว แม้เนื้อหากฎหมายส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ประเทศอื่นมีอยู่แล้ว หากแต่ความเป็นระบบรวมทุกอย่างไว้ในกฎหมายเดียว อาจทำให้บริหารจัดการง่ายกว่า ทำให้นักลงทุน และผู้ประกอบการรู้กรอบการทำงานตั้งแต่เริ่มต้น

สิ่งที่เวียดนามทำคือ การ “รีแพ็กเกจ” สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เป็นระบบ และชัดเจน ซึ่งรัฐบาลประกาศเป้าหมายใหญ่ระดับชาติไว้เป็นที่เรียบร้อย 

  • สหภาพยุโรป (EU) เพิ่งบังคับใช้ AI Act ซึ่งกำกับเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ แต่อุตสาหกรรมดิจิทัลอื่นๆ ยังอยู่นอกขอบเขต
  • สิงคโปร์ เป็นผู้นำในอาเซียนด้านนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล มี Digital Economy Framework และกฎหมาย Cybersecurity ที่เข้มงวด แต่ยังไม่มีกฎหมายกลางที่เชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั้งหมด
  • สหรัฐ ใช้กฎหมายแยกเฉพาะ เช่น SEC คุมคริปโทเคอร์เรนซี หรือแนวปฏิบัติจาก NIST สำหรับเอไอยังไม่มีกรอบกฎหมายระดับชาติที่ครอบคลุมทั้งระบบ
  • จีน ออกกฎหมาย PIPL (ข้อมูลส่วนบุคคล) และ Cybersecurity Law ซึ่งเน้นการควบคุมมากกว่าการส่งเสริม
  • เกาหลีใต้ มีแผนแม่บทด้านเอไอ และกฎหมายส่งเสริมนวัตกรรม แต่ออกเป็นฉบับแยก และยังไม่มีฉบับรวมระดับยุทธศาสตร์
  • ไทย มี พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และ พ.ร.บ. ความมั่นคงไซเบอร์ รวมถึงนโยบาย “ทักก้า” (THACCA) ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี แต่ยังคงอยู่ในระดับนโยบาย ยังไม่ผ่านการตราเป็นกฎหมาย

ไม่ใช่แค่ Made in Vietnam แต่คือ Tech by Vietnam

ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ รัฐบาลตั้งเป้าผลักดันให้เกิดบริษัทเทคโนโลยี 150,000 แห่งภายในปี 2578 โดยหวังว่าแบรนด์เทคโนโลยีจากเวียดนามจะไปไกลถึงตลาดโลก ไม่ใช่แค่ OEM ที่ผลิตสินค้าให้คนอื่น แต่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่ส่งออกสู่ตลาดโลกด้วยตัวเอง

เวียดนามยังเตรียมโครงสร้างแรงจูงใจด้านภาษี และการเงิน โดยโครงการเทคโนโลยีชั้นสูง และนวัตกรรมจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐ พร้อม ยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ และสิทธิประโยชน์ภาษีเช่นเดียวกับพื้นที่พิเศษทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ที่ให้ในกฎหมาย

  • ลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสำหรับ FIEs ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยี
  • อุดหนุน 50% สำหรับสตาร์ตอัป และ SME ที่พัฒนาโปรโตไทป์
  • ยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับอุปกรณ์ R&D
  • สนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักลงทุนกลุ่มยุทธศาสตร์
  • กองทุนรัฐบาลสำหรับโครงการเทคโนโลยีนวัตกรรม

นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนจากต่างชาติที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทในประเทศจะได้รับ การลดภาษีนิติบุคคลระยะยาว รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนอื่นๆ

ส่งออกไม่พอ ต้อง ‘สร้างคน’

แรงงานสายเทคโนโลยีถือเป็นหัวใจของกฎหมายฉบับนี้ โดยรัฐบาลเตรียมงบสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตร การอบรม และการยกระดับทักษะ

ผู้เชี่ยวชาญเวียดนาม ในสาขาดิจิทัล จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปีแรก, ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติจะได้รับวีซ่า 5 ปี และไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน เปิดทางให้นักเทคโนโลยีทั่วโลกเข้ามาทำงานในเวียดนามได้ง่ายขึ้น

กฎหมายเอไอ เน้นความปลอดภัย และมีจริยธรรม

เวียดนามกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ด้วยแนวทางตามความเสี่ยง โดยแบ่งเอไอออกเป็นกลุ่มความเสี่ยงสูง และไม่สูง พร้อมกำหนดมาตรฐานเทคนิค และข้อบังคับเฉพาะ เช่น การติดป้ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้เอไออย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อ วิจัยเอไอ และสร้างโครงสร้างพื้นฐาน Data Center, รวมถึงกำหนดข้อห้าม และ “จริยธรรมเอไอ” เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย และสิทธิส่วนบุคคล

จัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัล - คริปโทเคอร์เรนซี

หนึ่งในเรื่องที่หลายประเทศยังไม่ชัดเจนคือ การออกกฎหมายเกี่ยวกับเอไอและคริปโทเคอร์เรนซี เวียดนามเลือกเดินหน้าเต็มตัว ออกกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล และคริปโทเคอร์เรนซี แยกประเภทสินทรัพย์เสมือน (Virtual assets) ออกจากคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมออกแบบกลไกกำกับดูแลเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน

กฎหมายยังเปิดทางให้ทดลองนวัตกรรมผ่าน Regulatory Sandbox ซึ่งช่วยให้ธุรกิจใหม่ในสาย Blockchain, DeFi และ FinTech ทดสอบโมเดลธุรกิจภายใต้การดูแลของรัฐ โดยได้รับการผ่อนผันจากข้อกฎหมายบางส่วนชั่วคราว

รัฐบาลยังมีแผนจัดตั้ง “สำนักงานเทคโนโลยีดิจิทัลเวียดนาม” ในประเทศต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ และช่วยบริษัทเวียดนามขยายสู่ตลาดโลก โซนเทคโนโลยีพิเศษ คล้ายเขตเศรษฐกิจพิเศษจะถูกตั้งขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีสีเขียว โดยมีนโยบายด้านภาษี และกฎระเบียบที่เอื้อต่อธุรกิจ

สิ่งที่เวียดนามทำได้แล้วคือ การส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังนักลงทุน และผู้ประกอบการทั่วโลกว่า พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลง 

เวียดนามกำลังขยับจากโรงงานของโลกสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยีของอาเซียน และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เมืองอย่างโฮจิมินห์หรือดานัง อาจกลายเป็น Silicon Valley แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

อ้างอิง: Vietnam BriefingDFDL และ Thaipublica

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์