LINE หนุนเอสเอ็มอีใช้ออนไลน์สู้วิกฤติโควิด

LINE หนุนเอสเอ็มอีใช้ออนไลน์สู้วิกฤติโควิด

LINE ประเทศไทย เผยเอสเอ็มอีไทยเปิดบัญชี LINE Official Account เพิ่มขึ้นเกือบล้านราย ปัจจัยบ่งชี้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องดิจิทัลเพิ่มขึ้น เดินหน้าหนุนธุรกิจใช้ออนไลน์ฝ่าวิกฤติ เชื่อปี 2565 น่าจะผ่านจุดเลวร้ายที่สุดแล้ว

นางสาวสกุลรัตน์ ตันยงศิริ ผู้อำนวยการธุรกิจเอสเอ็มอี LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs ถือเป็นผู้ใช้งานหลักของ LINE OA ซึ่งมีจำนวนเกิน 90% ของจำนวนบัญชีทั้งหมด

ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ถึงแม้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากการเปิดประเทศ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ยังคงต้องหาทางออกในการทำให้ธุรกิจอยู่รอด ช่องทางดิจิทัล

โดยเฉพาะแฟลตฟอร์ม LINE เป็นทางเลือกในการเข้าถึงลูกค้าที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้เกิดการใช้งานเพิ่มขึ้น มีจำนวนการเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1 ล้านราย หรือคิดเป็นการเติบโต 25% เทียบจากปีก่อนหน้า

ธุรกิจที่ใช้งาน LINE OA มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ความงาม แฟชั่น และธุรกิจอาหาร (F&B) ตามลำดับ ซึ่งธุรกิจอาหารมีการเติบโตสูงที่สุดถึง 51% ขณะที่ความงามและแฟชั่น เติบโตอยู่ที่ 31% คาดว่าเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ใช้ชีวิตนอกบ้านน้อยลง ทำให้ร้านอาหารจำเป็นต้องใช้เครื่องมือดิจิทัลในการเข้าถึงและให้บริการลูกค้าถึงบ้านมากยิ่งขึ้น

นอกจากการมีบริการส่งอาหาร หรือ เดลิเวอรี่แล้ว SMEs ในกลุ่มธุรกิจอาหารยังมีการเปิดใช้ LINE OA เพื่อสร้างแบรนด์อย่างจริงจังบนโลกออนไลน์ ด้วยการมีช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้า พร้อมเชื่อมต่อกับการสั่งอาหารผ่าน LINE OA ไปด้วยในตัว

ส่วนของเครื่องมือ ฟีเจอร์ภายใน LINE OA สำหรับ SMEs ไทย การใช้งาน แชท (Chat) ยังเป็นฟีเจอร์อันดับ 1 ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้งาน แชต (Chat) เป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นของแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึง พูดคุย สร้างสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยง่าย

ตามมาด้วยฟีเจอร์บรอดแคส (Broadcast) อาวุธสำคัญในการเปิดการขายกับลูกค้าผ่านการส่งข้อมูลการขาย ทั้งแนะนำสินค้าใหม่ โปรโมชั่นต่างๆ 

ที่มาแรงที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ การใช้งานริชเมนู (Rich Menu) ที่มียอดการใช้งานเป็นอันดับ 3 แต่มีตัวเลขการใช้งานเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 232% แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการ SMEs เริ่มมีความรู้ด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้น สามารถใช้งานเครื่องมือหรือฟีเจอร์ ลูกเล่นอื่นๆ เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับ LINE OA ของตนเองได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังพบว่าฟีเจอร์ใหม่ ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2020 อย่าง LINE OA Call ช่วยสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าในการติดต่อสอบถามข้อมูลด้วยการโทรเข้า LINE OA เพื่อพูดคุยกับแอดมินของแบรนด์หรือร้านค้าได้โดยตรง ก็ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้อย่างเห็นได้ชัด โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 220%

ขณะที่ 2 ฟีเจอร์ใหม่บน LINE OA การใช้งานพรีเมี่ยมไอดีและบัญชีรับรองมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8% และ 14% ตามลำดับ

สำหรับ LINE Ads Platform หรือ LAP ปีที่ผ่านมามียอดเปิดบัญชีโฆษณาในกลุ่ม SMEs เพิ่มขึ้นถึง 106% และตั้งแต่เดือนสิงหาคม ทั้ง LINE ได้เปิดช่องทางในการให้คำปรึกษาด้านโฆษณาผ่าน LAP แก่ SMEs ทั่วประเทศและมีผู้ประกอบการสนใจเข้ารับคำปรึกษาสอบถามการใช้งานแล้วเกิน 1500 เคส

สำหรับกลุ่มธุรกิจมาแรงที่ลงเม็ดเงินโฆษณาผ่าน LAP มากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ธุรกิจการศึกษา พร้อมอัตราการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 สูงถึง 609% ตามมาด้วยธุรกิจบันเทิง ที่มีอัตราการลงเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 187% และธุรกิจแฟชั่น เพิ่มขึ้นถึง 180%

สำหรับ 2 วัตถุประสงค์ยอดฮิตในการลงโฆษณาบน LAP ยังคงเป็นการโฆษณาเพื่อเพิ่มเพื่อน (Gain Friends) และการโฆษณาเพื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ (Website Visit)

ปี 2565 LINE ยังคงตั้งเป้าเป็นเพื่อนร่วมทางเคียงข้าง SMEs ไทย สนับสนุนผู้ประกอบการให้เดินหน้าต่อด้วย เครื่องมือดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ คอยขับเคลื่อนให้การทำธุรกิจเกิดประสิทธิผล พร้อมมุ่งยกระดับความรู้ ความเข้าใจในการทำธุรกิจยุคใหม่ และความชำนาญในการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลให้เหมาะกับธุรกิจของ SMEs ไทยที่มีหลากหลาย แตกต่างกันไปตามปัจจัยมากมาย

โดยแบ่งเป้าหมายออกเป็น 2 ด้าน ด้านแพลตฟอร์ม - พัฒนาเครื่องมือหรือโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อ SMEs โดยเฉพาะ (Customized Solutions for SMEs) และ ด้านความรู้และกิจกรรม - ยกระดับความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจยุคดิจิทัลให้ SMEs ไทย  

อีกทั้ง LINE ยังจะร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมเสริมเติมเต็มความรู้ความต้องการให้กับ SMEs ไทย นำไปสู่การใช้งานแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มประโยชน์ และเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจบนโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ปี 2565 เชื่อว่าน่าจะผ่านจุดเลวร้ายที่สุดของสถานการณ์โควิด-19 แล้ว และเริ่มมีสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจ หากแต่ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยงอีกมาก การเปิดรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค การปรับตัว ปรับกลยุทธ์ได้รวดเร็ว รวมถึงการเปลี่ยนและปรับปรุงตนเองในทันทีเมื่อเจอผลลัพธ์ที่ไม่เป็นดังหวัง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีไทย