ซีไอโอ 80%หนุน Private 5G’ ขับเคลื่อนหลักธุรกิจยุคใหม่

ซีไอโอ 80%หนุน Private 5G’ ขับเคลื่อนหลักธุรกิจยุคใหม่

เอ็นทีที เปิดบทวิเคราะห์จาก ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง หรือ CIO และผู้บริหารกว่า 200 ราย เผยให้เห็นถึงการยอมรับในเครือข่าย ไพรเวท 5จี ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการตอบสนองความต้องการขององค์กรต่าง ๆ ทั้งในด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความรวดเร็ว

บริษัท เอ็นทีที จำกัด (NTT Ltd.) ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และโซลูชั่นธุรกิจชั้นนำระดับโลก เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ที่จัดทำโดย Economist Impact ในหัวข้อ ‘Private 5G here and now’  เผยถึงข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) และผู้มีอำนาจตัดสินใจระดับสูงจำนวน 216 ราย จากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมนี เพื่อวิเคราะห์ความท้าทายด้านอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้งานและการยอมรับระบบ ไพรเวท 5จี  หรือเครือข่าย 5จี ส่วนตัวที่ปรับรูปแบบการใช้งานได้

รายงานแสดงให้เห็นว่าเครือข่าย ไพรเวท 5จี ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดย 90% ของผู้บริหารระดับสูงคาดว่าไพรเวท 5จี จะกลายเป็นเครือข่ายหลักในอนาคต
 

ไพรเวท 5จี นำไปใช้ที่ไหน

นายชาฮิด อาเหม็ด EVP ส่วนงาน New Ventures and Innovation บริษัท เอ็นทีที จำกัด กล่าวว่า การสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในกลุ่มบริษัทที่วางแผนจะนำเครือข่าย ไพรเวท 5จี มาใช้ มีจำนวนกว่าครึ่งเพียงเล็กน้อย (51%) วางแผนที่จะนำระบบมาใช้ปรับปรุงความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความรวดเร็วภายใน 6 ถึง 24 เดือนข้างหน้า 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังปรับใช้ หรืออยู่ในกระบวนการปรับใช้เครือข่ายไพรเวท 5จี บริษัทจากประเทศเยอรมนีให้ความสนใจมากที่สุด โดย 40% ของธุรกิจในเยอรมนีกำลังนำครือข่ายไพรเวท 5จี มาใช้ ตามมาด้วยบริษัทในสหราชอาณาจักร 28% บริษัทญี่ปุ่น 26% และบริษัทอเมริกัน 24%

ผู้บริหารส่วนใหญ่ หรือราว 80% เห็นด้วยว่า โควิด-19 ช่วยให้องค์กรสามารถรักษางบประมาณที่จำเป็นในการนำระบบ 5จี มาใช้ได้ง่ายขึ้น ความเชื่อดังกล่าวเห็นได้ชัดที่สุดในเยอรมนี ตามมาด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ความกังวลด้านความปลอดภัยทำให้ ไพรเวท 5จี ได้รับการยอมรับเร็วขึ้น 

ในขณะที่ “แรนซัมแวร์” เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซีไอโอ และผู้บริหารระดับสูงด้านความปลอดภัยของข้อมูล (CISO) ต่างกำลังมองหาวิธีที่ช่วยป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น รายงานแสดงให้เห็นว่า 69% ของผู้บริหารยอมรับว่าการรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบันไม่แข็งแกร่งเพียงพอ จุดบกพร่องอื่น ๆ ได้แก่ การควบคุมข้อมูลองค์กร ความครอบคลุมและความรวดเร็ว และเวลาตอบสนอง (แฝง) ของผู้ให้บริการในปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีอย่าง ไวไฟ และพับบลิค 5จี แล้ว เครือข่ายไพรเวท 5จี มีความสามารถด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่ รายงาน ระบุ 83% ของผู้บริหารระดับสูงให้คะแนน “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลที่ดีขึ้น” เป็นปัจจัยสำคัญที่คาดหวังจากการนำเครือข่าย ไพรเวท 5จี มาใช้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ซีไอโอ ต้องการความปลอดภัยและการควบคุมที่ดี รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ และเชื่อว่าเครือข่าย ไพรเวท 5จี ภายในประเทศจะช่วยให้บรรลุถึงความต้องการที่สำคัญเหล่านี้ได้ ในขณะเดียวกัน แนวคิดนี้สนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ หันมาพัฒนาและใช้งานเครือข่าย ไพรเวท 5จี ของตนเองกันมากขึ้น

ความท้าทายของต่อการขับเคลื่อน

รายงานระบุว่า อุปสรรคที่พบบ่อยที่สุดในการนำเครือข่าย ไพรเวท 5จี มาใช้ คือ “การบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับระบบและเครือข่ายแบบเดิม” ซึ่งบริษัทถึง 44% ประสบปัญหานี้ นอกจากนั้น ผู้ตอบแบบสอบถาม 37% ยังชี้ว่า “ความซับซ้อนของการปรับใช้และการจัดการเครือข่ายไพรเวท 5จี"  เป็นอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่ง ตามมาด้วย “พนักงานที่ขาดทักษะทางเทคนิคและความเชี่ยวชาญในการจัดการเครือข่าย 5จี” ซึ่งบริษัท 30% กำลังเผชิญอยู่

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไม 38% ของ ซีไอโอ ชี้ว่า การเอาท์ซอร์สไปยังผู้ให้บริการจัดการระบบเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานนำเอาเครือข่าย ไพรเวท 5จี มาใช้ การซื้อบริการเครือข่าย ไพรเวท 5จี ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังให้ประสบการณ์กับผู้ใช้ปลายทางที่ดีกว่า ตลอดจนจนสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย

“การสำรวจชี้ให้เห็นว่า การนำไพรเวท 5จี มาใช้กำลังเกิดขึ้นจริงในขณะนี้ บริษัทที่ใช้ประโยชน์จาก ไพรเวท 5จี จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าบริษัทนั้นจะเป็นเจ้าของพื้นที่โรงงาน โรงจำหน่ายสินค้า หน้าร้าน หรือพื้นที่สำนักงาน ไพรเวท 5จี สามารถช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย”