"หัวเว่ย" เปิด 4 เคสใหญ่ "5G" หนุนไทยจุดพลุ "ภาคการผลิต" ยุคใหม่

"หัวเว่ย" เปิด 4 เคสใหญ่ "5G" หนุนไทยจุดพลุ "ภาคการผลิต" ยุคใหม่

ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ภาคการผลิต รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด การผนวกรวมเทคโนโลยีระบบ 5G AI และคลาวด์เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการประยุกต์ใช้งานมากมายสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม

ในยุคที่การเปลี่ยนผ่านไปสู่ ระบบดิจิทัล กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ภาคการผลิต รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ต่างๆ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด การผนวกรวมเทคโนโลยีระบบ 5G AI และคลาวด์เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการประยุกต์ใช้งานมากมายที่สามารถแก้ไขอุปสรรคความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งต้องเผชิญกับการควบคุมคุณภาพ ปัญหาต้นทุนสูงในการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ความเสถียรในการเชื่อมต่อ ความปลอดภัยของข้อมูล และค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น บัดนี้ ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านแล้ว

"ไมเคิล แมคโดนัลด์" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล และที่ปรึกษาผู้บริหาร หัวเว่ย เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวในประเด็นนี้ โดยระบุว่า ปี  2563 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทยมีมูลค่าต่ำกว่า 16 ล้านล้านบาท ซึ่งกว่าร้อยละ 30 มาจากกลุ่มอุตสาหกรรม การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศคิดเป็น 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย โดย ประมาณการว่าภาคอุตสาหกรรมจะเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายด้าน ICT สูงสุดในปี 2564 กล่าวคือ สูงกว่าภาคการเงิน 20% และสูงกว่ากลุ่ม ICT ถึง 80%

ขณะที่กระแสส่วนใหญ่ของการลงทุนในส่วนนี้จะเป็นไปเพื่อการเปลี่ยนผ่านธุรกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบดิจิทัล โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ของ คลาวด์ บิ๊กดาต้า (big data) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีรากฐานที่สำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานที่มีความคล่องตัว สำคัญต่อการปฏิบัติงาน และสอดคล้องกับข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA)

เทคโนโลยี 5G เป็นการผสานองค์ประกอบสำคัญต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น ค่าความหน่วง (latency) ในการรับส่งข้อมูลแบบต่ำเป็นพิเศษเพื่อการควบคุมแบบเรียลไทม์  การเชื่อมต่อจำนวนมากที่มีความยืดหยุ่นสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผ่าน IoT การจำแนกเครือข่ายจำลองให้มีความปลอดภัยและรองรับระบบคอมพิวเตอร์แบบเอดจ์ (edge computing) ไร้สายเพื่อการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เครือข่ายไร้สายที่จะสามารถสื่อสารผ่านอุปกรณ์มือถือผ่านระบบการสื่อสารในระดับองค์กรธุรกิจที่มีความเชื่อถือได้ เพื่อสนองตอบความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่มในแนวดิ่ง (vertical industries)

หัวเว่ย ยกตัวอย่างในจีน ได้เริ่มมีการประยุกต์ใช้ระบบ 5G ในโรงงานต่างๆ แล้วกว่า 200 แห่ง สร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อผลการดำเนินงานและต้นทุน ยกตัวอย่าง บริษัท Midea นำระบบ 5G มาใช้แทนเครือข่ายไร้สายแบบเดิมสำหรับรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (AGVs) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานโลจิสติกส์ได้ถึง 8% และลดต้นทุนดำเนินงานและซ่อมบำรุง (O&M) ถึง 10% จากการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น

ส่วนที่ บริษัท IKD ซึ่งเป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปสำหรับรถยนต์ที่มีการใช้งานถึง 70% ของปริมาณรถยนต์ทั้งหมด ก็ได้นำระบบ 5G มาใช้แทนระบบสายเคเบิลที่มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งใช้เดินสายเชื่อมต่อเครื่องจักรกว่า 600 เครื่อง เพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุงสายเคเบิลลงได้เกือบเป็นศูนย์ และเพิ่มอัตราผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ (product yield rate) ขึ้น 10%
 

ขณะที่ระบบ 5G สำหรับภาคการผลิตยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ปัญหาสำคัญเห็นได้ง่ายมากเพราะกลุ่มผู้ผลิตในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และอื่นๆ ต่างพยายามหาหนทางที่จะฟื้นตัวจากภาวะซบเซาในปี 2563 เพื่อเพิ่มคุณภาพและผลิตภาพ และลดต้นทุน โครงสร้างพื้นฐานระบบ 5G จะช่วยวางรากฐานการให้บริการที่มีความคล่องตัวและเชื่อถือได้ ทั้งยังเป็นย่างก้าวสำคัญที่เบิกทางไปสู่การนำไปประยุกต์ใช้ที่น่าสนใจในภาคการผลิต

เปิด 4 เคสใหญ่ ปลุกภาคผลิตไทยด้วย 5G 

1.วิทยาการหุ่นยนต์ระบบ 5G ในสายการผลิตต่างๆ นับเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตเป็นอย่างมาก และสามารถนำไปใช้งานได้ทันทีเพื่อรองรับการผลิตแบบต่อเนื่องและลดค่าแรง ระบบหุ่นยนต์อุตสาหกรรมได้ถูกนำมาใช้เป็นหลักในโรงงานผลิตต่างๆ ที่มีความต้องการผลิตสินค้าปริมาณมาก มีกระบวนการทำงานซ้ำๆ และต้องการความถูกต้องแม่นยำสูง

เช่น โรงงานผลิตรถยนต์ อาหาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสามกลุ่มกิจการจากสี่ภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในไทย เมื่อมีการใช้แขนกลที่ถูกโปรแกรมสำหรับกระบวนการทำงานอุตสาหกรรม เช่น สายงานเชื่อม ขนถ่ายวัสดุ บรรจุภัณฑ์ และสายงานประกอบ

ระบบวิทยาการหุ่นยนต์จึงจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีเสถียรภาพ และมีความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำ เพื่อรองรับความคล่องตัวและความต่อเนื่องในกระบวนการทำงานอัตโนมัติ

2.การบำรุงรักษาทางอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี 5G AR เป็นการใช้เทคโนโลยีคลาวด์แบบโลกเสมือนจริง (Augmented Reality) ในงานซ่อมบำรุงทางอุตสาหกรรม และใช้กล้องที่มีความคมชัดสูงเป็นพิเศษผ่านการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่มีค่าความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำมาก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การซ่อมบำรุงสำหรับผู้เชี่ยวชาญจากพื้นที่ระยะไกล จากการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศ ความยุ่งยากจากการใช้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาที่เครื่องจักรเสีย การบำรุงรักษาทางอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี

ทั้งนี้ 5G AR จะช่วยอำนวยความสะดวกในงานซ่อมบำรุงเครื่องจักรได้ทันทีโดยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปฏิบัติงานได้จากพื้นที่อื่น

3.นิคมอุตสาหกรรมระบบ 5G จัดให้มีระบบเข้าใช้งานแบบไร้สายประจำที่สำหรับการใช้งานส่วนตัว และรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่มีความน่าเชื่อถือและมีค่าความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำ เพื่อใช้เป็นโซลูชันอัจฉริยะสำหรับการผลิตผ่านแอพพลิเคชันต่างๆ ในระบบ 5G

โดยเฉพาะที่ใช้ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายให้บริการแก่ผู้ผลิต นิคมอุตสาหกรรมระบบ 5G จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานไร้สายแบบผสมผสานในระบบเดียวกันมีความมั่นคงปลอดภัย รองรับความต้องการของผู้ผลิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้เป็นอย่างดี

4.รถยกควบคุมระยะไกลด้วยระบบ 5G ใช้กล้องระดับ 4K และการเชื่อมต่อความเร็วสูงในการควบคุมการทำงานแบบเรียลไทม์ สำหรับรถยกที่ควบคุมจากห้องปฏิบัติงานระยะไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนำไปใช้งานในคลังสินค้าเพื่อยกอุปกรณ์หรือสินค้าคงคลังต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัด เช่น ห้องเย็นสำหรับเก็บอาหาร และพื้นที่อันตรายต่างๆ รถยกด้วยควบคุมระยะไกลด้วยระบบ 5G ที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายความเร็วสูงที่มีค่าความหน่วงในการรับส่งข้อมูลต่ำจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานได้ดียิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการหุ่นยนต์ระบบ 5G สำหรับสายการผลิตที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การบำรุงรักษาทางอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี 5G AR สำหรับงานซ่อมบำรุงทางอุตสาหกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างทันท่วงทีที่จะทำให้มีช่วงเวลาเครื่องจักรเสียเพียงสั้นๆ นิคมอุตสาหกรรมระบบ 5G ที่รองรับเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่น มั่นคงปลอดภัย และมีความเสถียร หรือรถยกควบคุมระยะไกลระบบ 5G ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความปลอดภัย

การประยุกต์ใช้งานทั้ง 4 กรณีตัวอย่างที่กล่าวมานั้นสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์ 5G เพื่อสร้างประโยชน์แบบเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นได้ 

หัวเว่ย ระบุด้วยว่า ที่จริงแล้ว การคาดการณ์ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่า เฉพาะ 4 กรณีตัวอย่างของการประยุกต์ใช้งานระบบ 5G จะสามารถสร้างรายได้ในภาคบริการเพิ่มขึ้นได้ถึง 1.4 พันล้านบาท

เพื่อผลักดันให้มีการประยุกต์ใช้งานระบบ 5G และพัฒนาระบบนิเวศที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในประเทศไทย หัวเว่ยจึงจัดตั้ง ศูนย์นวัตกรรมระบบนิเวศ 5G (5G Ecosystem Innovation Center) ขึ้น ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ศูนย์ฯ แห่งนี้เป็นการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Open Labs ในประเทศจีน และทั่วโลก และได้ประโยชน์จากการประยุกต์ใช้งานและการถ่ายทอดองค์ความรู้จากพันธมิตรทั่วโลก

ศูนย์ 5G EIC เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ มีพันธมิตรกว่า 70 ราย ทั้งยังเป็นศูนย์ฯ บ่มเพาะนวัตกรรม 5G และทดสอบแพลตฟอร์มการให้บริการต่างๆ

ผู้บริหารหัวเว่ย ระบุว่า ความพร้อมของระบบนิเวศ 5G ในประเทศไทยแสดงให้เห็นด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่จะมีการกำหนดระเบียบและนโยบายเพื่อเร่งรัดการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและสารสนเทศรูปแบบใหม่มาประยุกต์ใช้งานจริง ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ และพลเมืองอัจฉริยะ จึงจำเป็นต้องมีการลงทุนและสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ระบบอุตสาหกรรม 4.0 อย่างครบวงจรภายในปี 2570

ในส่วนของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทย (EEC) ซึ่งคิดเป็น 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย และเป็นภาคการผลิตที่ใหญ่ที่สุด รัฐบาลและองค์กรกำกับดูแลท้องถิ่นควรให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี 5G ไปประยุกต์ใช้งาน และช่วยยกระดับ EEC ไปสู่ความเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับแนวหน้าสำหรับการวิจัยและพัฒนา และการนำระบบอัตโนมัติและวิทยาการหุ่นยนต์ ตลอดจนระบบอัจฉริยะต่างๆ ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป

ในฐานะที่มีสัดส่วนใหญ่ที่สุดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการผลิตมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ  แนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประเทศไทยไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างครบวงจรภายในปี 2570 จะเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนานโยบายและระบบนิเวศ 5G ที่มีประสิทธิภาพเพื่อการนำไปประยุกต์ใช้งาน  EEC จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี นำโดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม และยานยนต์ ยกระดับภาคการผลิตในประเทศไทย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศรูปแบบใหม่ และผลักดันอุตสาหกรรม 4.0 ทั่วประเทศ