“สีย้อมอสุจิบีอาร์” นวัตกรรมใหม่! อาวุธลับเพื่อคู่รักมีบุตรยาก

“สีย้อมอสุจิบีอาร์” นวัตกรรมใหม่! อาวุธลับเพื่อคู่รักมีบุตรยาก

จากจำนวนประชากรที่ลดลงเป็นปัญหาที่หลายประเทศแก้ไม่ตก โดยสาเหตุมักจะมาจากหลายปัจจัย อันดับต้นๆคงหนีไม่พ้น “ภาวะการมีบุตรยาก” ซึ่งถือเป็นปัญหาแห่งยุคสมัย และล่าสุดคือผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้บรรดาคู่รักตัดสินใจขยับแผนการมีลูกออกไป

แต่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีช่วยในการมีบุตรแต่ก็ไม่ใช่ทุกคู่จะสามารถเข้าถึงได้ นับเป็นการเสียโอกาสในการเพิ่มจำนวนประชากรที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้

ทั้งนี้ ผู้หญิงจะมีช่วงอายุที่มีผลต่อการมีบุตร นั่นคือหากเกิน 35 ปีไปแล้ว ก็จะถือว่ามีบุตรช้าไป โดยเพศหญิงที่เข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ก็จะได้รีบการตรวจดูฮอร์โมน-รังไข่ ส่วนเพศชาย สิ่งที่ส่งตรวจง่ายที่สุดก็คือน้ำอสุจิ

ดังนั้นสำหรับการตรวจอสุจิ ขณะนี้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในระดับที่ทั่วโลกต้องจับตามอง จึงเป็นเหตุให้ทีมนักวิจัยจากคณะสหเวชศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คิดค้นเทคนิค “การย้อมสีอสุจิด้วยสารสกัดข้าวเหนียวดำ” เพื่อประเมินรูปร่างความสมบูรณ์ของอสุจิ พร้อมทั้งประเมินสัดส่วนอสุจิที่สมบูรณ์ว่ามีจำนวนเท่าใด

“ข้าวเหนียวดำ” ไขเคล็ดลับ นับจำนวน

ผศ.ฌลณต เกษตร อาจารย์ภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่านวัตกรรม “สีย้อมอสุจิบีอาร์” เป็นการวิจัยร่วมกับ ผศ.สิรินารถ ชูเมียน โดยใช้สำหรับตรวจอสุจิ สู่การแก้ไขปัญหาผู้มีบุตรยากและปัญหาอัตราการเกิดน้อย โดยใช้วัตถุดิบหลักคือ “ข้าวเหนียวดำ” นับเป็นผลงานที่มีคุณูปการต่อวงวิชาการ สอดรับนโยบายของประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ด้วยความที่เทคนิคการแพทย์จะทำหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะเป็นการตรวจเลือด ปัสสาวะ สารคัดหลั่งต่างๆ ฉะนั้นจึงต่อยอดสู่การพัฒนาเทคนิคการตรวจให้ง่ายขึ้น ไวขึ้น เพื่อที่ประชาชนจะได้เข้าถึงการตรวจได้ง่าย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน

เช่นเดียวกันกับการกรวดน้ำอสุจิในเพศชาย ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชาจุลทรรศนศาสตร์ โดยแบ่งเป็น 2 ด้านคือ 1.วิเคราะห์ด้านผู้มีบุตรยาก และ2.ตรวจทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ อย่างการหาตัวอสุจิจากผู้ที่ถูกล่วงละเมิด โดยทั้งหมดเป็นการคัดกรองเบื้องต้น เพื่อวิเคราะห์สภาวะการมีบุตรยากในเพศชาย ประเมินความสมบูรณ์ สัดส่วน รูปร่าง รวมถึงการเคลื่อนที่และจำนวนของอสุจิ ซึ่งจะต้องใช้สีย้อมในการตรวจดู

แต่เนื่องจากสีย้อมนำเข้ามีราคาแพง ใช้งานยุ่งยาก และใช้เวลานาน ประกอบกับมีสารเคมีสังเคราะห์หากใช้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เรียนหรือผู้ใช้งาน ดังนั้นทีมวิจัยจึงได้ใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนาชุดสีย้อมอสุจิจากสารสกัดธรรมชาติขึ้น เพื่อใช้ในการดูรูปร่างของอสุจิ โดยเลือกใช้ข้าวเหนียวดำเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งหาได้ง่ายโดยทั่วไป มีความปลอดภัย ใช้งานง่าย และช่วยเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยอีกทางหนึ่ง

“เหตุผลที่เลือกใช้ข้าวเหนียวดำเนื่องจากคุณภาพของสี สามารถย้อมติดหัวอสุจิ อีกทั้งสีจากเปลือกข้าวสกัดง่ายไม่ยุ่งยากเพราะเหลือจากการขัดสีข้าว จึงถือได้ว่าเป็นการนำ “ขยะ” มาใช้ให้เกิดประโยชน์และเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ประกอบกับสามารถทดแทนสีสังเคราะห์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และทดแทนสี Hematoxylin ซึ่งได้มาจากต้นไม้ Log Wood โดยสีย้อมจากข้าวเหนียวดำให้ผลไม่ต่างจากสีสังเคราะห์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นับเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมหลากหลายด้าน”

โดยสารแอนโทรไซยานิน เป็นสารหลักที่สกัดได้จากเปลือกข้าวเหนียวดำ หรือแกลบ สามารถติดสีตัวอสุจิได้ดีที่สุด จึงใช้สารสกัดดังกล่าว ร่วมกับสารเพิ่มประจุบวก Potassium alum เพื่อไปจับกับสารพันธุกรรมประจุลบในนิวเคลียส วิธีการย้อม โดยนำน้ำอสุจิใส่ในภาชนะใช้แผ่นสไลด์จุ่ม รอให้แห้ง นำสีย้อมมาป้าย และส่องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ ถือว่าตอบโจทย์การแพทย์แม่นยำ สำหรับการตรวจระดับดีเอ็นเอได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ โดยได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนคุณสมบัติเด่นคือ 1.สารสกัดจากข้าวเหนียวดำ ในส่วนของเปลือก 2.เพิ่มประสิทธิภาพในการติดสี โดยเป็นสารเพิ่มประจุบวกเพื่อช่วยในการย้อมติดสารพันธุกรรมในส่วนนิวเคลียสของเซลล์ 3.การต่อยอดเพื่อประเมินรูปร่างอสุจิสำหรับประเมินภาวะมีบุตรยาก 3.ใช้ในงานนิติวิทยาศาสตร์ ใช้สีย้อมตัวอย่างสำลีป้ายช่องคลอดเพื่อหาตัวอสุจิ

นวัตกรรมเช็คความพร้อมผู้ชาย

การพัฒนาในครั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นการเรียนการสอนแบบ STEM ไปพร้อม ๆ กัน คือ การใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการสกัดสี (Science,Technology) การออกแบบเครื่องย้อมอัตโนมัติ(Engineering) และการคำนวณสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการสกัด (Mathematics) เป็นการบูรณาการความรู้ของภาควิชาเทคนิคการแพทย์ ผลลัพธ์ คือ ได้นวัตกรรมชุดย้อมสีอสุจี บีอาร์ (Sperm BR staining kit) ที่มีราคาถูกกว่าสีเคมีสังเคราะห์ ปลอดภัย ไร้สารพิษตกค้าง

โดยปัจจุบันได้นำไปประยุกต์ใช้ในศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อวางแผนและรักษาชายที่มีภาวะมีบุตรยากได้ตรงจุด หรือใช้ในกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลชลบุรี โดยใช้ย้อมตัวอย่างจากสำลีป้ายช่องคลอด กรณีผู้หญิงถูกกระทำชำเรา ซึ่งจะสามารถเป็นหลักฐานชี้ตัวผู้กระทำความผิดได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ในการพัฒนางานวิจัยในครั้งนี้

ท้ายที่สุด ทีมนักวิจัยกล่าวว่า การคิดค้นสีย้อมอสุจิทดแทนการนำเข้าสำเร็จ และมีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียงกับสีสังเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติและประเทศ ถือเป็นงานวิจัยแรกของโลกที่ใช้สารสกัดธรรมชาติจากข้าวเหนียวดำ ในอนาคตคาดว่า สีย้อม บีอาร์นี้จะมีความจำเป็นมากขึ้น เนื่องจากการตรวจอสุจิในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และประชาชนมีความสนใจเพิ่มขึ้น

แต่กระนั้นอายุการเก็บรักษาในสภาพน้ำยังเก็บได้เพียง 3 เดือน จากนั้นจะต้องเริ่มต้นสกัดใหม่ทั้งหมด จึงจะต้องมีการทำให้เสถียรโดยการทำเป็นรูปแบบ “ผง” และเติมสารธาตุหมู่โลหะ เพื่อทำให้โครงสร้างอยู่นานขึ้นถึง 20 ปี ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมพัฒนาและวิจัยร่วมกับภาครัฐหรือเอกชน อาทิ กรมการค้าระหว่างประเทศ ในการสร้างโรดแมพ และร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาสีย้อมให้เป็นรูปแบบผงสำเร็จรูป เพื่อความสะดวกในการใช้งานและคงคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์การผลิตเชิงพาณิชย์ พร้อมวางกลยุทธ์ขยายการใช้งานไปสู่คลินิก หรือโรงพยาบาลในประเทศต่อไป

รุกขยายตลาดสู่เชิงพาณิชย์

สำหรับการจัดจำหน่ายจะเป็นในรูปแบบ 1.จำหน่ายในรูปของผงสี 2.ขายพร้อมผงสีที่เตรียมตามสูตร กลุ่มเป้าหมายได้แก่ แล็บวิจัยและให้บริการ บริษัทจำหน่ายผงสี ส่วนแอพพลิเคชันและการนำไปใช้แล้วแต่ผู้ใช้งาน

ส่วนความท้าทายของว่าจะเป็นในส่วนของการใช้งานเนื่องจากจำนวนสีทั้งหมด เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในโรงพยาบาล เพราะถูกใช้งานเป็นกิจจะลักษณะ เนื่องจากใช้ย้อมตัวอย่างชนิดอื่น อาทิ เลือด เซลล์มะเร็ง จึงเป็นจุดที่ยากพอสมควรที่จะเปลี่ยนแนวคิด จึงต้องใช้เวลาที่จะเข้าไปในตลาดเหล่านั้น

ส่วนสิ่งประดิษฐ์อื่นๆที่ได้มีการวิจัยและพัฒนาควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็น ชุดตรวจหมู่เลือด ABO/Rh บนฐานกระดาษและการแปลผลผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน