‘คลาวด์เอชเอ็ม’ ผนึก ‘วีเอ็มแวร์’ บูมตลาดคลาวด์ในไทย

‘คลาวด์เอชเอ็ม’ ผนึก ‘วีเอ็มแวร์’ บูมตลาดคลาวด์ในไทย

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจากผลพวงของวิกฤติโควิด-19 กำลังสร้างแรงกดดันให้กับทุกธุรกิจ บีบบังคับให้ทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเปลี่ยนแนวคิด ปรับโฉมการทำงาน ใส่เกียร์เร่งในการปรับใช้เทคโนโลยี...

ไทยนักสำรวจดิจิทัล

เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำวีเอ็มแวร์ ประเทศไทย เผยว่า ขณะนี้องค์กรธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทยมีความตื่นตัวด้านดิจิทัลสูงมาก

ผลการศึกษาล่าสุด “VMware Digital Frontier 3.0” ระบุว่า นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเมื่อปีที่แล้ว ผู้บริโภคชาวไทย 86% มีความใส่ใจเรื่องดิจิทัล และเป็น นักสำรวจดิจิทัล ซึ่งตัวเลขนี้นับว่าสูงกว่าในระดับภูมิภาค สหรัฐ สหราชอาณาจักร เยอรมณี และฝรั่งเศส

ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญต่อผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดย 75% รู้สึกเป็นกังวลว่าญาติผู้ใหญ่จะไม่สามารถก้าวได้ทันกับสังคมดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้บริโภคได้เร่งให้เกิดการปรับเปลี่ยนองค์กรและอุตสาหกราม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันเชิงดิจิทัลของไทย

ไทยกำลังเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยุคถัดไปของเศรษฐกิจดิจิทัล ภาคธุรกิจกำลังเร่งปรับตัวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต ซึ่งสิ่งสำคัญจากนี้คือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ปลอดภัย ง่าย ไร้รอยต่อ ครอบคลุมทั้งแอพพลิเคชั่น ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์ทั้งหมด สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ขณะนี้เราไม่ได้แข่งกันแค่ในไทย แต่ต้องมองไกลไปถึงระดับโลก

เรียลไทม์ช้าเกินไป

ณพัชร อัมพุช กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์ เอชเอ็ม จำกัด (Cloud HM) ผู้ให้บริการคลาวด์สัญชาติไทยในเครือเบญจจินดา เล่าว่า ทุกธุรกิจต้องปรับตัว แต่ทางบริษัทเราได้ยึดกลยุทธ์ Cloud First, Mobile First ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เมื่อเกิดวิกฤติจึงมีความพร้อมและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ด้านการให้บริการลูกค้า พร้อมรองรับทุกความต้องการ รวมถึงการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเอไอ แมชีนเลิรนนิง และระบบออโตเมชั่น เข้าใจว่าทุกวันนี้แค่ เรียลไทม์ยังช้าเกินไป ต้องมีความสามารถที่จะทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้สามารถวางแผนแก้ไขได้ก่อนเกิดปัญหา

สำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือ ในฐานะคลาวด์โพรวายเดอร์พิสูจน์โดยผลงานการให้บริการลูกค้าที่ดีจนได้รับความไว้วางใจและเกิดการบอกต่อ อีกทางหนึ่งความสำเร็จยังมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก และมาตรฐานการให้บริการระดับสูงการันตีด้วยใบรับรอง(Certificates) กว่า 6 รายการ

ทุกอย่าง ต้องมืออาชีพ

เขากล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นมืออาชีพ การพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ไม่มีวันจบ การมีใบรับรองอาจสามารถการันตีได้ว่าการให้บริการของบริษัทมีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญจริง แต่เหนือกว่านั้น ต้องทำได้จริงสอดคล้องกับโจทย์ธุรกิจของลูกค้า

เรามีความเข้าใจด้านเทคโนโลยีที่สูง จับจุดได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ที่สำคัญมีทีมงานที่สามารถต่อยอดการให้บริการได้ตอบโจทย์ทุกทัชพอยต์ เชื่อมต่อได้กับทุกผู้ให้บริการ มีจุดเด่นเรื่องไทม์ทูมาร์เก็ต สามารถพัฒนาพร้อมนำเสนอบริการได้เร็วอย่างมาก

โดยในปี 2564 นี้มีแผนให้บริการ CTO as a Service เป็นรายแรกในประเทศ ซึ่งเราเล็งเห็นว่าธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็กมีความต้องการปรับตัวในยุคดิจิทัลแต่ขาดองค์ความรู้ และบุคลากรมืออาชีพอย่างซีทีโอที่มีความรู้ความสามารถในการช่วยขับเคลื่อนเทคโนโลยีภายในองค์กร ที่สำคัญต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการจ้าง จึงเกิดบริการ CTO as a Service ขึ้น เพื่อช่วยทำหน้าที่เสมือนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรในการช่วยวางแผนกลยุทธ์ทางด้านเทคโนโลยีให้กับองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถปรับตัวเทียบเท่าธุรกิจขนาดใหญ่ได้

ด้วยแนวคิดและการเพิ่มการให้บริการต่าง ๆ ที่ผ่านมา จึงสามารถเติบโตได้ 2 เท่าทุกปี ล่าสุดกับพาร์ทเนอร์อย่างวีเอ็มแวร์ได้รับการรับรองมาตรฐาน “VMware Cloud Verified” ที่มีเพียง 1 ใน 2 ของประเทศไทยเท่านั้น และได้เลือกให้เป็น “Rising Star Award” รางวัลระดับโลกที่แสดงถึงศักยภาพและความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ จากนี้พร้อมเดินหน้าทำตลาดร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างการเติบโตให้บริการคลาวด์ในประเทศไทย

เอกภาวิน กล่าวเสริมว่า วีเอ็มแวร์ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญในแผนการปลดล็อคพลังทั้งหมดของคลาวด์สาหรับทุกธุรกิจ ขณะนี้บริษัทสนับสนุนกลยุทธ์การใช้งานของลูกค้าด้วยการนำเสนอบริการ VMware-based services ผ่านผู้ให้บริการพับบลิคคลาวด์รายใหญ่และพาร์ทเนอร์ VMware Cloud Verified หลายร้อยรายทั่วโลก

"การได้รับรางวัล VMware Rising Star ทำให้คลาวด์ เอชเอ็ม ไปอยู่ที่ระดับ global cloud Verified นั่นหมายถึงว่าลูกค้าของวีเอ็มแวร์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้บริการ คลาวด์ของคลาวด์ เอชเอ็มได้"