ผนึก 'ดิจิทัล' กับ 'พลังงานไฟฟ้า' เพื่ออนาคตอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

ผนึก 'ดิจิทัล' กับ 'พลังงานไฟฟ้า' เพื่ออนาคตอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

"ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" เผย 2 นวัตกรรมโดดเด่นที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติ คือ เทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานไฟฟ้าสีเขียว เพื่อผลักดันจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

อนาคตที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง

161771808963

ปีเตอร์ เฮอร์เว็ค รองประธานบริหาร ฝ่ายออโตเมชั่นสำหรับอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดเผยว่า นวัตกรรมที่โดดเด่นมากที่สุดที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงมนุษยชาติ ก็คือเทคโนโลยีดิจิทัล  ลองนึกถึงการที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปฏิวัติวิถีการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน ปฐมบทแรกของอินเตอร์เน็ต คือเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างผู้คน ส่วนบทต่อไป จะเป็นเรื่องการปฏิวัติแนวทางการใช้ชีวิตและการเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมของเรา ซึ่งจะเป็นเรื่องระหว่างแมชชีนด้วยกันเอง และระหว่างมนุษย์กับแมชชีน ความเป็นไปได้ในเรื่องเหล่านี้มาจากการผสมผสานที่ลงตัวของ Internet of Things ซึ่งเชื่อมต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว และ big data ซึ่งเป็นการเก็บและรวบรวม อีกทั้งวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเปลี่ยนเป็นมุมมองเชิงลึกที่สำคัญ และในวันนี้ ความสามารถในการฝึกฝนแมชชีนและใช้อัลกอริธึมมาช่วยให้ข้อมูลทั้งหมดมีความหมาย กลายเป็นความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง

การเปลี่ยนกระบวนการสู่ดิจิทัล สร้างอนาคตที่พึงปรารถนาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการดำรงชีวิตโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง พร้อมด้วยบ้านอัจฉริยะ อาคารอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ ระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ นวัตกรรมเหล่านี้ล้วนใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีส์ดิจิทัล มาช่วยแบ่งปันและอนุรักษ์ทรัพยากรที่ใช้กันอยู่ได้ดียิ่งขึ้น

 

มุ่งไปข้างหน้าด้วยพลังงานไฟฟ้าสีเขียว

เทคโนโลยีอันดับสอง ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มาหลายปีแล้ว นั่นคือ พลังงานไฟฟ้าสีเขียว (green electricity)  ให้คิดถึงเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ ไมโครกริด อาคารที่ใช้พลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero building) และยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ พลังงานไฟฟ้า นับเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ใช้พลังงานได้แบบปลอดคาร์บอน ดั้งนั้นจึงควรเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่เป็นระบบไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่จะมุ่งไป ไม่ใช่พลังงานไฟฟ้าเหมือนแต่ก่อน แต่จะเป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทน นั่นคืออนาคตสีเขียว

ขั้นตอนสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืน

ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มีการทำงานร่วมกับบุคคลระดับสมองและบริษัทอื่นๆ เพื่อหาสมการที่ช่วยผลักดันจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนได้ตามต้องการ โดยมองเห็นตัวแปรที่เรียบง่าย 4 ประการในสมการดังกล่าว

  1. ดิจิทัล สามารถสร้างประสิทธิภาพมากขึ้นได้ในทุกที่ เพราะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ไม่ว่าจะใช้กับอาคารอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ หรือเมืองอัจฉริยะในทุกที่ ช่วยให้สามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงเรื่องประสิทธิภาพจากจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้
  2. การหมุนเวียน เป็นเรื่องของการสร้างความมั่นใจว่าทุกสิ่งที่เราทำเป็นการปลูกฝั่งเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
  3. ไฟฟ้า ในอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ สัดส่วนของพลังงานไฟฟ้าในทุกเรื่องจะขยายเพิ่มเป็นสองเท่า โดยพูดกันมามากถึงเรื่องพลังงานไฟฟ้า แต่ปัจจุบันไฟฟ้าคิดเป็นอัตราแค่ 20% ของพลังงานที่เราใช้กันอยู่ โดยในอีก 20 ปี คาดว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่าคือ 40%
  4. สามารถทดแทนได้ ปัจจุบัน พลังงานไฟฟ้าสามารถทดแทนได้ 6% โดยในอีกไม่ช้า จะสามารถทดแทนได้ 40%

และไม่ใช่การนั่งรอให้ตัวแปรใดหนึ่งในสมการเหล่านี้ เกิดขึ้น ถึงจะเริ่มมุ่งเน้นที่เรื่องนั้นต้องทำทุกอย่างไปในแบบคู่ขนาน ไม่สามารถรอให้ทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นในวันนี้ อยู่ไปอีกหลายๆ ปีข้างหน้า เพราะถ้าต้องการแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะต้องเริ่มดำเนินการเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดตั้งแต่วันนี้

ความยั่งยืน สร้างความยืดหยุ่น

การแพร่ระบาด และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นับเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่ออนาคตของสังคมที่เราอยู่ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องลุกขึ้นมาและสร้างโลกที่ยั่งยืน โดยยึดความยืดหยุ่นเป็นศูนย์กลาง ก้าวไปข้างหน้าด้วยแรงขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการบรรลุสู่อนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลกใบนี้

โควิด-19 อาจจะเปลี่ยนจุดมุ่งเน้น แต่ก็ช่วยย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนและสร้างความคล่องตัว ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้ความกดดัน โควิดจึงเป็นเสมือนเสียงเรียกที่ปลุกให้ตระหนักมากขึ้นและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว บริษัทต่างๆ ต้องยอมรับว่าตัวเองสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจทั้งหมด

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าใช้พลังงานจากที่ไหนและใช้อย่างไร พลังงานสูญหายหรือเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ที่ไหนและอย่างไรเช่นกัน และด้วยประเด็นนี้ จึงทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญ ระบบเซ็นเซอร์ช่วยมอนิเตอร์เรื่องประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์ที่เชื่อมงานส่วนปฏิบัติการเข้ากับระบบไอที ระบบออโตเมชั่นและการวิเคราะห์จะช่วยให้องค์กรและบุคคลทั่วไปสามารถบริหารจัดการและใช้สภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสมไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่บ้านก็ตาม ข่าวดีก็คือเมื่อมีเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรจะตอบรับและนำมาใช้งานเพื่อการันตีเรื่องความยั่งยืนในอนาคตหรือไม่

บทความโดย : ปีเตอร์ เฮอร์เว็ค รองประธานบริหาร ฝ่ายออโตเมชั่นสำหรับอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric)