‘การ์ทเนอร์' ชี้โควิดฉุดลงทุนซิเคียวริตี้

‘การ์ทเนอร์' ชี้โควิดฉุดลงทุนซิเคียวริตี้

“การ์ทเนอร์” ประเมินปีนี้ลงทุนซิเคียวริตี้โตช้าแต่ยังอยู่ในทิศทางบวก คาดระยะสั้นคลาวด์ ระบบความปลอดภัยระยะไกลช่วยพยุงการเติบโตของตลาดรวม

นายลอว์เรนซ์ ปิงกรี รองกรรมการผู้จัดการ การ์ทเนอร์ กล่าวว่า มูลค่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยและการจัดการด้านความเสี่ยงทั่วโลกยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ แม้ว่าจะเติบโตลดลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

ปีนี้การใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของข้อมูลจะเติบโตราว 2.4% มูลค่าราว 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 8.7% จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธ.ค.ปี 2562 การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลต่ออุปสงค์ระยะสั้นในด้านต่างๆ อาทิ การนำเทคโนโลยีคลาวด์มาปรับใช้ในองค์กร, เทคโนโลยีสำหรับคนทำงานจากระยะไกล และมาตรการการประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ 

เขากล่าวว่า ระบบความปลอดภัยจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากวิกฤติโควิด-19 เช่นเดียวกับตลาดไอทีกลุ่มอื่นๆ ทว่ายังมีปัจจัยหนุนในบางกลุ่ม เช่น เทคโนโลยีความปลอดภัยบนคลาวด์หรือการใช้งานคลาวด์แบบสมัครสมาชิก การใช้จ่ายด้านความปลอดภัยบางประเภทจะยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาและยังไม่ควรตัดแนวโน้มเชิงบวกออกไป

นอกจากนี้ การยกระดับรูปแบบของการให้บริการบนคลาวด์อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ตลาดความปลอดภัยมีความยืดหยุ่นต่อการชะลอตัว ด้วยส่วนแบ่งเฉลี่ย 12% ของการปรับใช้ความปลอดภัยโดยรวมบนระบบคลาวด์ในปี 2562 

ผลวิจัยของการ์ทเนอร์เผยว่า รูปแบบการให้บริการพื้นฐานบนคลาวด์ครองตลาดมากกว่า 50% เช่น ความปลอดภัยบนอีเมลและเว็บเกตเวย์ ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยเครือข่าย อุปกรณ์ไฟร์วอลล์ ระบบตรวจจับและป้องกันการบุกรุกจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการลดค่าใช้จ่าย และคาดว่าผู้บริโภคจะลดปริมาณการใช้จ่ายกับซอฟต์แวร์ความปลอดภัยลง

สำหรับประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านความปลอดภัยปีนี้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2562 ที่ 1.1% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 11,850 ล้านบาท โดยความปลอดภัยบนคลาวด์จะเป็นตลาดที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ขณะที่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายจะมีมูลค่าใช้จ่ายลดลงครั้งใหญ่และผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายลดลงในเรื่องซอฟต์แวร์ความปลอดภัยที่ 2.3%

การ์ทเนอร์คาดว่า มูลค่าการเติบโตของระบบความปลอดภัยแอพพลิเคชั่นจะเติบโต 7.3%, ความปลอดภัยบนคลาวด์ 133.2%, ความปลอดภัยข้อมูล 8.1%, การบริหารจัดการสิทธิ์การเข้าถึงตัวตน 2.8%, การปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน 6.4%, การบริหารจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ 19.8%, บริหารรักษาความปลอดภัย 1.2% ขณะที่ ตลาดที่จะติดลบได้แก่ ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของผู้บริโภค -2.3%, ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยข้อมูลอื่นๆ -0.1%, อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเครือข่าย -11.8%