ซีดีจีปักธงผู้นำไอทีครบวงจร

ซีดีจีปักธงผู้นำไอทีครบวงจร

กลุ่มบริษัทซีดีจี ประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจปี 2561 ย้ำภาพผู้นำระบบไอทีครบวงจร ดันไทยปฏิรูปประเทศสู่ดิจิทัล เล็งดึงจุดแข็งด้านประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญสร้างจุดต่าง พร้อมลุยทำตลาดเทคโนโลยีมาแรงตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโตอีก 10% รายได้ไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท

นายนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ซีดีจี กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจจากนี้ยังคงมุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยพันธกิจที่สำคัญเน้นเข้าไปสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้กับลูกค้าภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทยด้วยการผลักดันประเทศผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

ทั้งนี้ กลยุทธ์สำคัญเน้น 5 เรื่องประกอบด้วย 1. เพิ่มพูนองค์ความรู้(Knowledge) และสมรรถนะ(Competency) ของบุคลากรในองค์กรให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล 2.นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ(Innovative Technology) มาประยุกต์ใช้เป็นโซลูชั่นที่ใช้งานได้จริง

ขณะที่ 3. นำเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เหมาะสมมาใช้เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อ(Connect) และการทำงานร่วมกัน(Collaboration) อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขี้นระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ 4.ผลักดันให้เกิดความร่วมมือ(Partnership) ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน 5.ดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล(Good Governance) และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม (Corporate Citizenship)

พร้อมกันนี้ ดึงจุดแข็งด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจไอทีมาสร้างจุดต่าง ขณะที่เทคโนโลยีที่จะโฟกัสสอดคล้องไปกับเมกะเทรนด์ของโลกไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์(เอไอ), อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที), บิ๊กดาต้าอนาไลติกส์, บล็อกเชน, ซิเคียวริตี้ และที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีและบริการบนดิจิทัล

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ปี 2561 ภาพรวมผลประกอบการจะเติบโตได้ถึงระดับ 10% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้ 90% มาจากองค์กรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

ปัจจุบัน มีบริษัทในเครือ 6 บริษัท คือ 1.บริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด 2.บริษัท ซีดีจี ซิสเต็มส์ จำกัด 3.บริษัท คอมพิวเตอร์ เพอริเฟอรัล แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด 4.บริษัท จีไอเอส จำกัด 5. บริษัท โกลบเทค จำกัด และ 6.บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด

ซีดีจี ดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 50 ปี ในฐานะผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รูปแบบผู้ติดตั้งระบบ(เอสไอ) ให้กับองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงเอกชน มีมุมมองว่าการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและสังคมจำต้องมี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ความสะดวกสบาย(Convenience) 2.ความรวดเร็ว(Speed) 3.ความแม่นยำและถูกต้อง(Accuracy) 4.ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว(Security & Privacy) และ 5.ความโปร่งใส ตรวจสอบได้(Transparency)

เขากล่าวถึง เทรนด์โลกที่จะเปลี่ยนแปลงบริบทของผู้บริโภคอย่างสิ้นเชิง และได้ส่งผลให้ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 1.The Future of Smart การที่ระบบสั่งการอัตโนมัติ หรือเอไอเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น 2.Behavioral Revolution การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของปัจเจกบุคคล 3.Empowered Citizen ประชาชนมีบทบาทสำคัญต้องกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐ ภาคประชาชน และเอกชน 4.Urban World เมืองเล็กๆ จะได้รับการพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองที่มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล 5.Resourceful Planet การใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานทดแทน ด้วยเทคโนโลยีอย่างไอโอทีและแมชชีนเลิร์นนิง

“สังคมโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี(Technology disruption) ขณะเดียวกันเกิดเมกะเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คน ส่งผลกระทบต่อทั้งธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของประชาชน” นายนาถ กล่าว