‘พิณมิสา’เวชสำอางจากกระดูกฉลาม

‘พิณมิสา’เวชสำอางจากกระดูกฉลาม

วิสาหกิจชุมชนพิณมิสา จ.สมุทรสาคร ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสกัดสารสำคัญจากกระดูกปลาฉลามเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

วิสาหกิจชุมชนพิณมิสา จ.สมุทรสาคร ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสกัดสารสำคัญจากกระดูกปลาฉลามและของเหลืออื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ออกมาเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง แล้วส่งต่อให้นักวิจัยในมหาวิทยาลัยช่วยปรับปรุงคุณสมบัติ รวมทั้งองค์กรวิจัยชั้นนำทำการตรวจวิเคราะห์และรับรองคุณภาพ ยกระดับความเชื่อมั่นในสินค้าไทยก่อนทำตลาด หวังช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนการพึ่งพาวัตถุดิบต่างประเทศ


เวชสำอางสูตรผสมสารสกัดจากกระดูกปลาฉลาม เป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ของ "พิณมิสา” แบรนด์เครื่องสำอางจากธรรมชาติ ผลิตออกมาเพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางได้ทดลองใช้และพิสูจน์ประสิทธิภาพ แทนบอกกล่าวสรรพคุณด้วยคำพูดและตัวหนังสือ ปรากฏว่า กลุ่มเป้าหมายให้การยอมรับและตอบรับตามคาดหมาย


สร้างมูลค่าจากของเหลือใช้


นายวิธาน สุขวาณิชวิชัย ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนพิณมิสา ต่อยอดกิจการจำหน่ายเนื้อปลาทะเลของครอบครัว หนึ่งในนั้นคือเนื้อปลาฉลามนำเข้าจากอินโดนีเซีย ในสมุทรสาครมีโรงแล่ปลาฉลามจำนวนมาก ต้องตัดครีบและหางออกแล้วแล่ขายเฉพาะเนื้อ ส่วนกระดูกส่งขายโรงงานปลาป่น ทั้งๆ ที่น่าจะนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่านั้น จึงตัดสินใจนำกระดูกปลาฉลามมาสกัดเอาสารไฮยาลูรอนิค สารสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ทั้งนี้ สารชีวภาพจากกระดูกปลาฉลามมีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอยร่องลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีกทั้งในกระบวนการผลิตยังได้สารสำคัญเพิ่มอีก 1 ชนิดคือ คอนดรอยติน ช่วยเรื่องลดการอักเสบและซ่อมแซมเซลล์สึกหรอ ยกตัวอย่างวงการเภสัชกรรมใช้ในเรื่องไขข้ออักเสบสำหรับผู้สูงอายุ


“ในไทยยังไม่มีใครผลิตสารไฮยาลูรอนิคออกมาจำหน่าย ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศในราคาลิตรละ 6 หมื่นบาท แต่จากการทดสอบกระบวนการผลิตพบว่า สามารถจำหน่ายในราคาลิตรละ 4 หมื่นบาท จึงช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ผลิตเครื่องสำอางได้เกือบ 30%” นายวิธาน กล่าว
ในอนาคตจะมีสารสกัดจากวัตถุดิบในไทยใช้ในการผลิตเครื่องสำอางหรือเวชสำอาง ที่มีมาตรฐานทัดเทียมต่างประเทศในราคาถูก ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากเครื่องสำอางกับสารสกัด 50:50 แต่อาจจำหน่ายสารสกัดเป็นหลัก เพราะตลาดมีความต้องการสูง แต่ขณะนี้เหตุที่ยังจำหน่ายไม่มาก เพราะผู้ประกอบการยังไม่มั่นใจในคุณภาพ ทั้งๆ ที่ดีกว่าของนำเข้า


เดิม “พิณมิสา”ผลิตไคโตซานจากเปลือกกุ้ง เปลือกปู แกนปลาหมึก ล้วนเป็นของเหลือจากอุตสาหกรรมทะเล โดยนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ปกติตัวไคโตซานที่ได้จะนำไปใช้ด้านการเกษตร คือเป็นส่วนผสมในสารเร่งดอกเร่งใบเร่งผลเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาคุณสมบัติไคโตซานให้สูงขึ้นกลายเป็นสเปคเครื่องสำอาง


การันตีด้วยมาตรฐาน-งานวิจัย


จากปัญหาดังกล่าว จึงได้เข้าร่วมโครงการ “โอทอป อัพเกรด” โดยให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เข้ามาช่วยตรวจวิเคราะห์ทั้งด้านความปลอดภัย คุณภาพ สารชีวภาพและทำการทดสอบผิวหนัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการันตีคุณภาพวัตถุดิบ ที่ช่วยให้คุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสูงขึ้น ขณะเดียวกัน นายปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มาเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีการผลิตเพื่อให้สารไฮยาลูรอนิคมีความบริสุทธิ์มากขึ้น


“เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เราจึงผลิตเวชสำอางแบรนด์พิณมิสาให้ผู้ที่สนใจได้ทดลองใช้สารสกัดที่ผลิตขึ้น เพราะบางคนยังไม่เชื่อถือในวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ จึงต้องพิสูจน์โดยให้ได้ใช้จริง ปรากฏว่า หลังจากได้ทดลองใช้ บางโรงงานกลายเป็นลูกค้าประจำที่สั่งซื้อเป็นวัตถุดิบใช้ทำเครื่องสำอาง หรือบางแห่งก็จ้างทำโออีเอ็ม คาดว่าหลังจากได้รับใบรับรองจาก วว. จะทำให้ผู้ประกอบการสั่งซื้อมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นละ 10-15% จุดขายของแบรนด์คือ การผสมผสานระหว่างนวัตกรรมกับภูมิปัญญาไทย”


นอกจากนี้ยังเข้าร่วมโครงการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการโอทอปสู่ยุคดิจิทัล กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อบรมทักษะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลในรูปแบบโมบายเทคโนโลยี เข้ามาเป็นเครื่องมือพัฒนาธุรกิจให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น