ซีเกททุ่ม1.53 หมื่นล้านขยายโรงงาน

ซีเกทย้ำพันธกิจลงทุนไทย เทงบเพิ่ม1.5 หมื่นล้านบ. สร้างอาคารหลังใหม่โคราช ดีเดย์เดินสายการผลิตปี 59 คาดเพิ่มพื้นที่ผลิตอีก 49% จ้างงาน2,500คน
นายเจฟฟรี่ย์ ดี ไนการ์ด รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการหัวอ่านและบันทึกข้อมูล บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี จำกัด มหาชน กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุน 1.53 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี สร้างอาคารใหม่ บริเวณโรงงานผลิตและวิจัยพัฒนาเดิม จังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้ การใช้งบประมาณแบ่งเป็น 4.6 พันล้านบาทสำหรับสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนอีก 1.07 หมื่นล้านบาท ลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์
บริษัทตั้งเป้าว่า อาคารใหม่ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มเพิ่มพื้นที่การผลิตจากเดิม 160,060 ตาราเมตร อีก 49% กลายเป็น 237,856 ตารางเมตร คาดว่าจะเสร็จพร้อมใช้งานได้ในปี 2559 ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 2,500 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ เป็นอีกหนึ่งงานสำคัญที่จะทำให้บริหารจัดการซัพพลายเชนให้ดีมากยิ่งขึ้น รวมโรงงานผลิต 2 แห่งที่นครราชสีมาและสมุทรปราการมีพนักงานกว่า 1.6 หมื่นคน
เขากล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทตัดสินใจขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องประกอบด้วย 1. ความเชื่อมั่นในทีมงานท้องถิ่น 2. หากมองด้านภูมิศาสตร์และแนวโน้มการเติบโตของฐานลูกค้าภูมิภาคเอเชียในอนาคต ไทยนับว่ามีศักยภาพทั้งด้านโลจิสติกส์ และอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก 3.โครงสร้างต้นทุนเหมาะสม
"เรายังคงมีแผนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งวางโรงงานที่โคราชเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญอย่างมาก"
ปัจจุบัน ซีเกทมีโรงงานอยู่ที่ประเทศไทย จีน และมาเลเซีย โดยฐานการผลิตที่จังหวัดนครราชสีมาถือเป็นศูนย์การผลิตฮาร์ดดิสก์ที่ใหญ่ที่สุดจากทั่วโลก การสร้างอาคารใหม่ดังกล่าวยิ่งส่งผลให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการเติบโตเทคโนโลยีคลาวด์สตอเรจ
เขาเผยว่า กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดคลาวด์ มุ่งเพิ่มศักยภาพการทำงานของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องไปกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของลูกค้ารายใหญ่ๆ ขณะเดียวกันพยายามขยายการบริการสู่เซอร์วิสและซิสเต็มส์มากขึ้น
ดังนั้น แต่ละปีนอกจากการลงทุนขยายฐานการผลิต ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสินค้าโดยปี 2557 ใช้งบการลงทุนไปราว 1,800 ล้านบาท ส่วนปีนี้ไม่ต่างจากเดิม มากกว่านั้นจะทำงานร่วมกันกับรัฐบาลไทยด้วย
ข้อมูลระบุว่า ในปี 2563 ทั่วโลกจะมีข้อมูลถูกสร้างมากถึง 44 เซตะไบต์ ในทิศทางที่สอดคล้องกัน เทียบจากปี 2556 ถึงปีดังกล่าวความต้องการสตอเรจมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งเฉลี่ย 26% ที่น่าสนใจจากจำนวนดังกล่าวจะมีข้อมูลถึง 60% ที่ถูกจัดเก็บอยู่บนคลาวด์
ปัจจัยสำคัญมาจากทั้งการสร้างข้อมูลโดยตัวบุคคลโดยเฉพาะรูปภาพและวีดิโอ การเติบโตของโมบายดีไวซ์ มีข้อมูลคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า รวมทั้งพีซีและโมบายจะมียอดขายกว่า 2.5 พันล้านเครื่องทุกปี อีกหนึ่งปัจจัยมาจากเมกะเทรนด์บิ๊กดาต้า
นายไนการ์ดประเมินว่า ขณะนี้การพึ่งพาการใช้ข้อมูลมีมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งผลักดันให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ๆ เช่น คลาวด์เซอร์วิส โมบายแอพพลิเคชั่น โอเพ่นซอร์สคอมพิวติ้ง และโซเชียลมีเดีย ทั้งพบด้วยว่าองค์กรธุรกิจเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ดังนั้นบทบาทของซีเกทจึงพยายามนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย เข้าถึงเชิงลึก สำคัญคุณภาพระดับโลกทว่าราคาสมเหตุสมผล
"ด้วยศักยภาพของอาคารหลังใหม่ในไทยจะยิ่งทำให้เราสามารถผลิตสินค้ารองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนได้ดีขึ้น ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การผลิตสินค้าตอบสนองความต้องการเชิงคุณภาพ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการผลิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด"
พร้อมระบุว่า ด้วยนโยบายของบริษัทไม่อาจให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมการส่งออกของประเทศไทยได้ ทว่าในมุมของซีเกทเชื่อว่าจะทำได้ดี
ปัจจุบัน รวมทั้งภูมิภาคเอเชียทำรายได้ให้บริษัทสัดส่วนมากกว่า 40%
ข้อมูลระบุด้วยว่า กระทั่งปัจจุบันซีเกทประเทศไทยสร้างมูลค่าการส่งออกไปแล้วกว่า 1.78 ล้านล้านบาท เฉพาะปี 2557 ทำได้ราว 1.1 แสนล้านบาท
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ที่ปรึกษาอาวุโส ด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวเสริมว่า ช่วง 8 ปีหลังมานี้ซีเกทมีมูลค่าการลงทุนในไทยกว่า 5.56 หมื่นล้านบาท ใน 8 โครงการ นับเป็น 1 ในบริษัทด้านไฮเทคที่กล้าเข้ามาลงทุน ทั้งมีพันธสัญญาร่วมกับไทยในระยะยาว
อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมประเมินขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังมีความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันสินค้าเทคโนโลยีที่สำคัญยังคงมีฐานการผลิตในไทย







