น้ำตาลสุขภาพจากลำไย

น้ำตาลสุขภาพจากลำไย

นํ้าตาลพรีไบโอติกจากผลลำไยคือมุมมองใหม่ในการแก้ปัญหาผลผลิตลำไยล้นตลาดโดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นํ้าตาลพรีไบโอติกกิโลกรัมละ 8,000 บาทผลิตจากผลลำไยร่วงจากสวนกิโลกรัมละ 10-15 บาท คือมุมมองใหม่ในการแก้ปัญหาผลผลิตลำไยล้นตลาดและราคาตก โดยนักวิจัยจากรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากจะได้รับการสานต่อจากภาคธุรกิจเอกชนสู่เชิงพาณิชย์แล้ว ยังตั้งเป้าให้เป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนตัวใหม่ของประเทศ เช่นเดียวกับเมเปิลไซรัปจากแคนาดา หรือโสมจากเกาหลี

นักวิจัยเจ้าของผลงานน้ำตาลเพื่อสุขภาพจากลำไย “ดร.ยุทธนา พิมลศิริผล” อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่า วิทยาศาสตร์การอาหารไม่ใช่เพียงการแปรรูป ลักษณะอาหาร รสชาติ อายุการเก็บรักษาเท่านั้น แต่สามารถพัฒนาเชิงลึกถึงขั้นเปลี่ยนโครงสร้างให้เป็นนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งแนวโน้มในต่างประเทศให้ความสนใจประเด็นนี้อย่างมาก เช่นเดียวกับเทรนด์อาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมทั่วโลก

วิทยาศาสตร์เพิ่มมูลค่า

น้ำตาลลำไยจากแล็บมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นี้เป็นน้ำตาล FOS(ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์) ให้รสหวานแต่แคลอรี่ต่ำหรือเป็นน้ำตาลพรีไบโอติกที่เป็นประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกาย ซึ่งทำงานอยู่ในระบบย่อยอาหารและขับถ่ายจึงส่งผลดีต่อผู้ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ทั้งยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของลำไย

ดร.ยุทธนาเริ่มต้นงานวิจัยเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน จากความต้องการที่แก้ปัญหาลำไยล้นตลาด จึงต่อยอดจากการนำน้ำเชื่อมจากลำไยมาเป็นฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ โดยทำให้เป็นน้ำลำไยเข้มข้นก่อนนำเข้าสู่กระบวนการทำปฏิกิริยาโดยการเติมเอนไซม์บางชนิด เมื่อผ่านระยะเวลาที่เหมาะสมจะได้เป็นน้ำตาล FOS ที่ดีต่อสุขภาพ พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับบริษัท แอกเซเรซ จำกัด นำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์

คุณสมบัติของน้ำตาล FOS ทำให้ภาคเอกชนที่นำไปต่อยอดสามารถดึงมาเป็น“ จุดขาย” ให้กับผลิตภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศที่ให้ความสำคัญสุขภาพ ดังนั้น นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาลำไยล้นตลาดแล้ว ยังยกระบบการแปรรูปสินค้าเกษตรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

หลังจากที่ภาคเอกชนได้ทดลองตลาด นักวิจัยได้รับข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคในตลาดมากขึ้น ดังนั้น โครงการวิจัยระยะที่ 2 จึงนำสารสกัดจากเม็ดและเปลือกลำไยมาผสม พบว่าได้ค่า FOS สูง และยังได้สารออกฤทธิ์บางตัว ซึ่งงานวิจัยอีกหลายชิ้นกล่าวถึงประโยชน์ทางยาของเปลือกและเม็ด ทำให้ได้น้ำตาล FOS ที่มีคุณสมบัติทางสมุนไพรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนการที่จะพัฒนาน้ำตาล FOS จากอ้อย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค รวมถึงเป็นการสร้างมูลค่าให้กับอ้อยเช่นเดียวกับลำไย

จาก Local สู่ Global

จากการวิจัยดังกล่าวทำให้มูลค่าลำไยสูงขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์ลำไยแปรรูปทั่วไป เช่น ลำไย อบแห้งลำไยกระป๋องในน้ำเชื่อม มีราคาอยู่ประมาณ18-55 บาทต่อกิโลกรัม แต่ FOS บริสุทธิ์มีราคา 8,000 บาทต่อกิโลกรัม

“งานวิจัยของเราไม่ถึงขั้น FOS บริสุทธิ์ ราคาจึงต่ำกว่าหากเราพัฒนาให้ดีสามารถเป็นโปรดักส์ของประเทศได้ เหมือนผลิตภัณฑ์เมเปิลไซรัปทุกคนจะนึกถึงประเทศแคนาดา ผมอยากให้น้ำตาลลำไยเป็นแบบนั้นให้ถูกนึกถึงว่า มาเมืองไทยต้องซื้อกลับไป ผลิตผลทางการเกษตรก็จะเพิ่มมูลค่าได้สูงและเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว” นักวิจัยกล่าว

สำหรับผู้สนใจทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรม ดร.ยุทธนา แนะนำว่า ควรเข้ามาคุยกับนักวิจัยตั้งแต่แรกเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่รวดเร็วและตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการและตลาด มากกว่าที่จะรอดูผลงานวิจัยที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เพราะทำให้เสียโอกาสในการเป็นผู้บุกเบิกตลาด

ยิ่งในยุคที่การแข่งขันสูงไม่ควรช้า ต้องรีบคิดและลงมือทำก่อนที่คู่แข่งจะเข้ามาด้วยแนวคิด Local to Global ที่มีการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ในประเทศออกสู่ต่างประเทศ โดยยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความเป็นไทยแต่มีรูปร่างและคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ทั่วโลก