เข้าใจการใช้นิวเคลียร์สำรวจน้ำมันใต้พิภพ

ปส. แจงข้อมูลการใช้นิวเคลียร์สำรวจน้ำมันจากใต้พิภพ คลายสงสัยความแตกต่างจากการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมัน
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) แจงความเข้าใจการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากใต้พิภพ คลายสงสัยความแตกต่างจากการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมัน หลังข่าวอเมริกาสามารถสกัดน้ำมันจากหินน้ำมันได้ในต้นทุนต่ำ จนคุ้มทุนที่ทำให้ลดปริมาณการซื้อจากต่างประเทศไปได้เกือบครึ่ง
ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าวอเมริกาสามารถสกัดน้ำมันจากหินน้ำมันได้ในต้นทุนที่ต่ำจนคุ้มทุน ทำให้ลดปริมาณการซื้อจากต่างประเทศไปได้เกือบครึ่ง น้ำมันก็เลยล้นตลาด สภาพการณ์โดยรวมคือ ปริมาณการผลิตมีปริมาณสูงกว่าความต้องการใช้พลังงาน สหรัฐอเมริกาซึ่งเคยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก กำลังจะกลายเป็นประเทศที่สามารถผลิตน้ำมันมากกว่าประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศรัสเซีย ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สถานการณ์ดังกล่าวจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
เรื่องทรัพยากรปิโตรเลียมนั้น เป็นเรื่องที่มีการสำรวจหากันทั่วโลก โดยศึกษาจากภูมิประเทศ ทั้งด้วยการสำรวจภาคพื้นดิน ภาคอากาศ และการอาศัยสำรวจด้วยดาวเทียม แต่การสำรวจด้วยภูมิประเทศเป็นเพียงการสำรวจอย่างคร่าว ๆ ว่าบริเวณใด มีลักษณะสัณฐานน่าจะเป็น “บ่อน้ำมัน” ซึ่งการตรวจสอบหลุมกักเก็บน้ำมันใต้พิภพอย่างชัดเจนต้องกระทำด้วยการขุดเจาะสำรวจในสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกรรมวิธีที่ซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีมากมาย โดยเทคนิคสำคัญที่จะช่วยในการสำรวจแหล่งน้ำมันและบ่อน้ำมันคือ เทคนิคนิวเคลียร์ อาทิ การตรวจสอบความพรุนของชั้นดิน ชั้นหิน ซึ่งอาจใช้เทคนิคเสียงก้อง หรือใช้วิธีทางนิวเคลียร์ โดยใช้ต้นกำเนิดรังสีนิวตรอนติดไปกับหัวเจาะและตรวจวัดรังสีที่เกิดจากสภาวะแวดล้อมบริเวณนั้น นอกจากจะรู้ข้อมูลความพรุนของพื้นที่จุดสำรวจแล้ว ยังทำให้รู้ค่าความหนาแน่นของดินหรือหินบริเวณนั้น และสามารถคำนวณย้อนเป็นปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้
“ในประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่ขออนุญาตมีไว้ในครอบครองและใช้สารกัมมันตรังสีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ด้านการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่ง ปส. ดำเนินการกำกับดูแลและตรวจสอบความปลอดภัยอยู่อย่างต่อเนื่อง สามารถรับประกันความปลอดภัยทางรังสีได้อย่างแน่นอน” ดร.อัจฉราฯ กล่าว
ส่วนหินน้ำมันเกิดจากซากพืชซากสัตว์กับตะกอนขนาดเล็กที่สะสมตัวอยู่ในแอ่งตะกอนทับถมกันจนเป็นเวลาเนิ่นนานหลายล้านปี โดยกรรมวิธีของการสกัดหรือผลิตน้ำมันจากหินน้ำมัน คือการเปิดผิวดิน เพื่อขุดตักเอาหินน้ำมันออกมาบดให้ได้ขนาด แล้วป้อนไปยังโรงงานผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนรูปของสารเคโรเจนให้กลายเป็นไอของไฮโดรคาร์บอน ไอของไฮโดรคาร์บอนนี้ก็จะถูกแยกออกไป ทำให้กลายเป็นของเหลว และนำเอาของเหลวที่ได้นำไปทำการกลั่น ณ โรงกลั่นต่อไป ซึ่งอุตสาหกรรมการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมัน จะก่อให้เกิดปัญหาสภาพมลภาวะตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของฝุ่นละอองที่ปลิวขึ้นไปสู่บรรยากาศและการทิ้งกากหินน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธีแล้ว และมีข้อด้อยที่สำคัญคือ ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการผลิตน้ำมันจากแหล่งปิโตรเลียม







