เส้นทางสู่นักวิทย์ "โนเบล"

เส้นทางสู่นักวิทย์ "โนเบล"

สวทช. เร่งบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่รางวัลโนเบล บนเวทีโลกหลังการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ไทยสร้างตื่นเต้นกับวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

สวทช. เร่งบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่รางวัลโนเบล บนเวทีโลกหลังการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ไทยสร้างตื่นเต้นกับวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

รางวัลโนเบล หรือ Nobel Prize เป็นรางวัลระดับนานาชาติ ที่มอบให้แก่ผลงานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์ที่โดดเด่น และสร้างคุณประโยชน์ให้กับมนุษยชาติ ตามเจตจำนงของ “อัลเฟรด โนเบล” นักเคมีชาวสวีเดน โดยแบ่งเป็นรางวัลในสาขาฟิสิกส์ เคมี การแพทย์ วรรณกรรมและสาขาสันติภาพ ต่อเนื่องมากว่า 100 ปี

แม้ที่ผ่านมายังไม่เคยมีนักวิทยาศาสตร์ไทยที่ได้ รับรางวัลโนเบลมาก่อน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการวิทยาศาสตร์ไทยเริ่มเป็นที่จับตาในระดับสากล การค้นพบหลายต่อหลายครั้ง ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลกไม่น้อย

นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารค่ายวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกว่า โครงการนี้ริเริ่มมา จากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ต้องการเห็นนักวิทยา ศาสตร์ไทยได้มีส่วนร่วมในการประชุมกับนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล บนเวทีโลก จนเป็นที่มาของโครงการการคัดเลือกผู้แทนเข้าร่วมการประชุมผู้ได้ รับรางวัลโนเบล ณ เมืองลินเดา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ต่อเนื่องโดยมีนักวิทยาศาสตร์ไทยเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเฉลี่ย ปีละ 3-5 คน

หัวใจสำคัญของการได้มี ส่วนร่วมของนักวิทยาศาสตร์ไทยในเวทีโลกคือการสร้างแรงบันดาลใจให้ความรู้เฉพาะด้าน และสร้างเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลที่เข้าร่วมงานมากที่สุด กว่า 40-60 คน ตลอดจนนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิระดับแนวหน้าของประเทศประมาณ 600 คนจากทั่วโลก

นางฤทัย มองว่า อนาคตการสร้างนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลจากการโครงการนี้ คือความหวัง เพราะนอกจากจะเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ ปี 51 มาจนถึงรุ่นที่ 7 ซึ่ง สวทช. ได้ขยายผลต่อ โดยเปิดเวทีถ่ายทอดประสบการณ์ เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ถูกแผยแพร่ออกไป ให้ได้มากที่สุด และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้

เคล็ดลับจาก ประสบการณ์

“ศ.ดร.เกตุ กรุดพันธ์” เล่าประสบการณ์การทำงานในฐานะนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น สาขาเคมีวิเคราะห์ ประจำปี พ.ศ. 2544 ว่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา การที่นักวิทยาศาสตร์ไทยจะทำวิจัยนั้นไม่ง่าย เพราะต้องเจอกับหลากหลายอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้านักวิทยาศาสตร์ดีเด่น เล่าว่า ขณะที่ตัวเขาเองทำวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้องทำงานท่ามกลางอุปสรรค ทั้งเรื่องของทุนวิจัย และอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่อย่างจำกัด

แต่เขากลับมองว่า นั่นไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะสามารถประยุกต์ใช้ของที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ และสร้างสรรค์ผลงานวิทยาศาสตร์ให้เป็นที่ยอมรับได้ เช่นตัวอย่างความสำเร็จจากการพัฒนาเทคนิคการไหล (FlowInjection) ที่เกี่ยวข้องกับกัมมันตภาพ รังสี

“ผมมองว่าความสำเร็จ เกิดจาก 2 ส่วน คือความสามารถและโอกาส โดยการได้รับทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ นับเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่าย และต่อยอดจากความสามารถที่มีอยู่” เขากล่าว และแนะว่า สิ่งที่ต้องพึ่งระวังสำหรับนักวิทยาศาสตร์ทุกคนคือ ความสำเร็จ ซึ่งอาจกลายเป็นสิ่งบั่นทอนไม่ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นอกจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายหนทางที่สามารถทำได้ และทำได้ดีกว่าเดิมรางวัลโนเบลหลายครั้ง ไม่ได้มาจากองค์ความรู้ในสาขาเดียวทำให้ตัวเขาเองมีวิธี คิดในแบบเดียวกับนักวิทย์โนเบล

โดยการทำวิจัยให้สำเร็จต้อง “เห็นในสิ่งที่คนอื่นเห็น แต่คิดต่างออกไป” การที่จะสร้างสรรค์ผล งานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ได้นั้นต้องเปลี่ยนความคิดให้ได้เป็นอันดับแรก“วันนี้ผมทำงานเพราะ ความสนุก เป้าหมายไม่ใช่เพื่อการจดสิทธิบัตร หรือผลงานตีพิมพ์ แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างคน และเครือข่ายวิจัย ซึ่งมองว่ามันไม่ง่าย”