'ปรัธนา ลีลพนัง' มือบริหาร ยุคดาต้าติดสปีด

'ปรัธนา ลีลพนัง' มือบริหาร ยุคดาต้าติดสปีด

เปิดแผนรุกเกมรักษาแชมป์ผู้นำตลาดสื่อสารไร้สายยุคข้อมูลนำบริการเสียง

วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส "เอไอเอส" มีประกาศแต่งตั้งผู้บริหาร ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนตามวาระประจำปี มอบหมาย “ปรัธนา ลีลพนัง” ดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด (Executive Vice President-Marketing : EVP-M) โปรโมตขึ้นมาจากตำแหน่งเดิมคือ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล

ตำแหน่งใหม่ของปรัธนา ถูกวางให้รับผิดชอบการวางกลยุทธ์และกำหนดนโยบายการบริหารจัดการด้านการตลาดสินค้า และบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบ เอไอเอสระบุในประกาศว่า ด้วยความรู้ และประสบการณ์การทำงาน มั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและบริหารจัดการต่อไปในอนาคตให้แก่บริษัท

รักษาระยะห่างจากคู่แข่งเบอร์รอง

ปรัธนา นับเป็นหนึ่งในผู้บริหารรุ่นใหม่ ลูกหม้ออนาคตไกลที่เอไอเอสฟูมฟัก ปลุกปั้น และมอบหมายความไว้วางใจร่วมบริหารงานมาตั้งแต่ยุค 2จี เจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่อย่างโดดเด่น ขึ้นสู่แถวหน้ามาโดยตลอด ยิ่งยุคดาต้าเฟื่องฟู ชื่อของเขาคือเบอร์ต้นๆ ที่ทุกคนให้ความไว้วางใจ

สำหรับการรับตำแหน่งใหม่ เขา กล่าวว่า ความท้าทายของการทำตลาดต่อไปจากนี้ คือการรักษาความเป็นผู้นำด้านการให้บริการต่อๆ ไป ทั้งการให้บริการบนระบบ 2จี 3จี 4จี และก้าวไปถึงโมบายบรอดแบนด์อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เราต้องช่วงชิงโมเมนตั้มของความน่าจะเป็นในการบริการทุกๆ ด้านกลับมาให้เอไอเอส เป็นผู้นำในตลาดทุกๆ ด้าน

"ความท้าทายความยากง่ายในการทำตลาดต่อจากนี้ ผมมองว่าเป็นการรักษาความเป็นผู้นำตลาดเบอร์ 1 ในตลาดให้ได้ต่อไป จากบริการ 3จี 4จี และไปโมบายบรอดแบนด์อย่างเต็มรูปแบบ เราต้องเคลียร์ให้ชัดว่าเราเป็นเบอร์ 1 ในทุกๆ ด้านโดยปราศจากข้อสงสัย"

เขา ยอมรับว่า ความยากของการทำตลาดมีอยู่ 1-2 ประเด็นคือ 1. ต้องพยายามฉีกตัวเองออกมาให้ลูกค้าเห็นได้ว่า การเข้ามาอยู่ในครอบครัวเอไอเอสที่มีลูกค้าอยู่ในระบบมากกว่า 40 ล้านคน มีอะไรที่ดีกว่าคู่แข่งอื่นในสภาพแวดล้อมที่สินค้าและบริการของผู้ประกอบการในตลาดไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย "ดาต้าคือตัวลีดของบริการในยุคนี้แล้ว"

2. การสร้างความรับรู้แบรนด์ให้มากขึ้น ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เอไอเอสเปิดให้บริการ 3จีช้ากว่าคนอื่นๆ ในตลาด เพราะได้รับไลเซ่นอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่นำคลื่นความถี่เดิมมาให้อัพเกรดเป็น 3จีไปก่อนล่วงหน้า

แต่พอมาถึงวันนี้ เอไอเอสพยายามเดินหน้าขยายโครงข่าย 3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ให้เร็วที่สุด และมั่นใจว่าวันนี้เดินหน้าแผนงานได้มาถูกทางที่สุดแล้ว ชูความเป็นผู้นำด้านโครงข่าย มีสถานีฐาน 3จีครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งสิ้นปีคาดว่าจะมีจำนวนสถานีให้บริการได้รวมเป็น 20,000 แห่ง

มาร์เก็ตติ้งยุคใหม่ต้องทันลูกค้า

เขา เล่าว่า เอไอเอสได้กำหนดแบ่งองค์ประกอบการทำตลาดไว้ 3 ส่วนคือ 1. ลูกค้าทั่วไป 2. ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ลูกค้าขนาดกลางและย่อย (เอสเอ็มอี) และ 3.บริการสินค้าดิจิทัลใหม่ๆ ซึ่งการกำหนดแกนให้บริการนี้ เพราะเอไอเอสต้องการเดินไปกับลูกค้า ให้บริการครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์และต้องรู้ทุกความต้องการให้ได้ เพื่อจะนำมาออกแบบบริการใหม่ๆ รวมถึงการวิเคราะห์โปรโมชั่นใหม่ที่หลากหลาย

"ทุกวันนี้ลูกค้าจะถูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยเทคโนโลยีที่หลั่งไหลเข้ามา จากที่ไม่เคยใช้ไอโฟน ไอแพด หรือสมาร์ทโฟนก็หันมาใช้มากขึ้น โอเปอเรเตอร์เองต้องมอนิเตอร์ความเปลี่ยนไปของเทคโนโลยีเพื่อดูภาพรวมของอุตสาหกรรมว่าจะมีเทรนด์อะไรอย่างไร"

ทั้งนี้ ในบรรยากาศที่ตลาดเกิดการอิ่มตัวในการขยายฐานลูกค้าใหม่ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานมีมากว่า 140% หากเทียบกับจำนวนประชากรที่ 67 ล้านคน กลยุทธ์ด้านมาร์เก็ตติ้งจึงต้องเน้นการทำตลาดเพิ่มเติมจากสิ่งที่มีอยู่ให้กลายเป็นบริการพรีเมี่ยมมากขึ้น

"4จี" รีเซ็ตตลาดโทรคมอีกรอบ

ส่วนการแข่งขันของตลาดโทรคมนาคมครึ่งปีหลัง เขา คาดการณ์ว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการทุกรายต่างงัดกลยุทธ์มาร์เก็ตติ้งมาสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน ซึ่งการทำตลาดจะมาจาก 2 ประเด็นคือ 1. เกิดการแย่งลูกค้ากันเองของผู้ประกอบการทั้ง 3 รายที่มีอยู่ในตลาด

"เพราะอย่างที่บอกคือเมื่อตลาดไม่มีลูกค้าใหม่แล้ว ผู้ประกอบการเบอร์ 2 และ 3 ก็ต้องหันมาแย่งลูกค้าจากเบอร์ 1 ซึ่งจะเริ่มการลดราคาดาต้าโปรโมชั่น และลดราคาสมาร์ทโฟนมากขึ้น"

2. จะเกิดการแย่งความเป็นผู้นำในด้านต่างๆ เพื่อใช้เป็นจุดเด่นในการหาลูกค้า หรือเพื่อกำหนดสถานะตัวเอง เช่น ความเป็นผู้นำด้านความเร็ว ความครอบคลุม หรือกระทั่งเป็นผู้นำทั้ง 3จีและ 4จี อย่างไรก็ดี เขามองว่า หากเปิดประมูล 4จีบนคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์จากคณะกรรมการ กสทช. จะเป็นรีเซ็ตตลาดโทรคมนาคม

"ตอนนี้คนที่มี 4จีโดยเอาคลื่น 3จีมาให้บริการก็จะพูดได้ว่าตัวเองให้บริการ 4จีแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นจุดขายของแต่ละคนที่จะเอามาโฆษณา แต่เมื่อมีประมูล 4จีแล้ว คนที่ได้คลื่น 4จีจริงๆ ถึงจะพูดได้ว่าเป็นผู้ให้บริการ 4จี และหลังจากนั้นรูปแบบการทำตลาดก็จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง"

พันธมิตรภูมิภาคขยายสเกลบริการ

ปรัธนา ระบุว่า จากการที่เอไอเอส กลุ่มสิงเทล และบริดจ์ อัลไลแอนซ์ เป็นพันธมิตรการให้บริการร่วมกัน เขามองว่าเอไอเอสไม่ได้จะขยายการให้บริการไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค แต่มองถึงการให้บริการที่เป็นลักษณะพิเศษ มองเป็นสเกลให้บริการที่ใหญ่ขึ้น และลงลึกในรายละเอียดได้

ทั้งนี้จะเป็นการมอบประสบการณ์เหนือระดับในการใช้งานโมบายดาต้าที่สมบูรณ์แบบและครบถ้วนให้ลูกค้า และให้ผู้ใช้บริการมือถือกว่า 500 ล้านรายทั่วภูมิภาค ได้รับประโยชน์สูงสุด

การเปิดตลาดที่เป็นความก้าวหน้านี้เป็นความร่วมมือระหว่าง 6 โอเปอเรเตอร์ จาก 6 ประเทศสมาชิกกลุ่มสิงเทล ประกอบด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์, ออพตัส ประเทศออสเตรเลีย, เอไอเอส ประเทศไทย, แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา, โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความแตกต่างในการให้บริการของประเทศสมาชิก และเพิ่มความสามารถการแข่งขัน

ความร่วมมือดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มสิงเทล ที่นำศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์ ความชำนาญในการให้บริการด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิกมาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบข้อเสนอพิเศษแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ให้แก่ลูกค้าทั้ง 6 ประเทศสมาชิก ซึ่งแต่ละตลาดของบริษัทในกลุ่มสมาชิก ต่างมีอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเติบโตเป็นอย่างมาก

ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสำคัญคือ ความต้องการใช้งานเครื่องสมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชั่นจากการใช้งานโมบายดาต้า ความริเริ่มของกลุ่มสิงเทลที่สนับสนุนทุกโอเปอเรเตอร์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้การใช้งานดาต้าเติบโตมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำงานร่วมกันด้านแผนการค้าปลีก การเรียกเก็บค่าบริการโดยตรง การพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่นในระดับภูมิภาค และการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นที่เลือกสรรเป็นพิเศษ