สิ่งทอ นวัตกรรมไร้จุดจบ

สิ่งทอ นวัตกรรมไร้จุดจบ

เส้นใยธรรมชาติ คือโจทย์วิจัยที่สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ทำขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยในตลาดโลก

เส้นใยธรรมชาติอย่าง ใยกล้วย ต้นข่า กัญชง หมาก นุ่น ลูกตาล สับปะรดและบัวหลวง โจทย์การวิจัยที่สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอใช้เวลาขบคิดนานหลายปี กว่าจะได้เป็นเครื่องนุ่มห่มที่อยู่นอกสายตาของคนไทย แต่เป็นสินค้าขายดีในญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกา แถมยังคงเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา นวัตกรรมสิ่งทอของสถาบันฯ เน้นเรื่องการแปรรูปเส้นใยธรรมชาติที่เป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อนอกจากจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตทางการเกษตร และช่วยขยายโอกาสให้กับนักออกแบบได้ลับสมองกับโจทย์ใหม่ๆ เทรนด์เขียวแรงไม่มีตกชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยี สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอจากเส้นใยธรรมชาติ ยังถือว่ายังใหม่และมีโอกาสสูงสำหรับนักออกแบบหรือนักธุรกิจหน้าใหม่ที่คิดจะลงทุน เพียงแต่ภาครัฐต้องสนับสนุนให้มีการลงทุนให้มากขึ้น ทั้งเรื่องการนำงานวิจัยเข้ามาใช้ การโปรโมทให้เป็นสินค้าแนวหน้าของประเทศสถาบันฯ มีองค์ความรู้ที่พร้อมนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์หลายผลงาน อาทิ การแปรรูปเส้นใยธรรมชาตินอกจากฝ้าย สำหรับใช้เป็นวัสดุตั้งต้นในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 2 รายที่นำผลงานวิจัยไปต่อยอด ได้แก่ บริษัท ไทยนำโชคเท็กซ์ไทล์ จำกัด และบริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด ผู้ผลิตสิ่งทอในเครือสหพัฒน์ โดยนำเส้นใยสับปะรด กล้วย บัว และกัญชง ไปแปรรูปต่อยอดเป็นสิ่งทอเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า เครื่องประดับ รองเท้า"ปัญหาหลักที่ทำให้เส้นใยเหล่านั้นขยายผลสู่ระดับอุตสาหกรรมได้ยาก อยู่ที่การขาดเทคโนโลยีเครื่องจักรที่เหมาะกับเส้นใยแต่ละชนิดโดยตรง แม้จะมีโรงงานปั่นด้ายอยู่มากก็ตาม รวมถึงปริมาณวัสดุที่ไม่พร้อมจะขยับสู่ระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เทคโนโลยีปั่นด้ายของไทยรองรับกับเส้นใยสั้นอย่างฝ้าย ลินิน ทำให้เส้นใยที่พัฒนาได้หลายๆ ตัว เช่น เส้นใยกล้วย เส้นใยสับปะรด เส้นใยไหมซึ่งเป็นเส้นใยยาวถูกตัดให้สั้นลง ก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูปและมูลค่าลดลงอย่างน่าเสียดาย"คู่แข่งในตลาดโลกที่นำเส้นใยธรรมชาติมาแปรรูปในอุตสาหกรรมสิ่งทอยังมีอยู่น้อย อย่างเช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการนำเสนอสิ่งทอวัฒนธรรม ขณะที่ไทยมีจุดเด่นชัดเจนในด้านกระบวนการย้อมและแปรรูปที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีงานวิจัยพื้นฐานที่พร้อมนำมาต่อยอดแปรรูปวัสดุเหลือทิ้งขณะที่สิ่งทอเส้นใยธรรมชาติกำลังถูกปลุกปั้นในตลาดโลก "ใยไหม" ราชินีของเส้นใยก็ยังเป็นโจทย์ ที่สถาบันฯ ต้องเพิ่มมูลค่าเส้นใยด้วยการฟังก์ชั่นหรือคุณสมบัติพิเศษ หลังจากศึกษาเทรนด์สิ่งทอในตลาดโลกพบว่า ต่างประเทศเริ่มหันมาพัฒนาสิ่งทอที่ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่พกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ตลอดเวลา จึงอาจเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่ไม่พึงประสงค์ สถาบันฯ จึงมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มฟังก์ชั่นให้กับผ้าไหม ด้วยการทำเป็นผ้าไหมป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับภาคเอกชนที่สนใจต่อยอดเชิงพาณิชย์ ทั้งยังได้ทดลองตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่มสำหรับเด็ก คนท้อง กระเป๋าถือสำหรับพกพาโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการตัดเย็บเป็นผ้าม่าน เป็นต้น ผ้าไหมป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวอย่างหนึ่งในนวัตกรรมสิ่งทอ (Innovative Textile) ซึ่งมีคุณค่า มากกว่าการเป็นสิ่งทอหรือเครื่องนุ่งห่มทั่วไป โดยการเพิ่มฟังก์ชั่น เช่น ผ้าสะท้อนน้ำ ผ้าป้องกันเชื้อโรค ผ้ามีกลิ่นหอม ชุดไหมป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นการสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกแผนหลังจากนี้ของสถาบันฯ จะเน้นไปที่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการแปรรูปเส้นใยจากวัสดุธรรมชาติชนิดอื่นๆ ไม่รู้จบ เพราะเทรนด์การบริโภคสิ่งทอนับจากนี้ไปผู้ซื้อจะยังคงเสพสินค้าและเครื่องนุ่งห่มที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติต่อเนื่องไปนานกว่า 10 ปีแน่นอน