เรื่องกล้วยๆของ ‘บานานาโจ’

เรื่องกล้วยๆของ ‘บานานาโจ’

บานานาโจ สแน็คน้องใหม่ ที่ตั้งใจยกระดับกล้วยหอมทองไทยสู่ตลาดโลก กับแนวคิด‘อร่อยติดปากคนทั้งโลก’

เรื่อง กานต์ดา บุญเถื่อน

“การทำกล้วยฉาบขายไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่หากจะขายในห้างหรือร้านค้าชั้นนำระดับโลก ต้องสร้างจุดขายที่ฉีกจากคู่แข่ง ทั้งเรื่องวัตถุดิบ การผลิต และบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นแว่บแรกก็รู้ว่าไม่ใช่กล้วยฉาบธรรมดาที่หากินได้ทั่วไป และต้องลองซื้อมาชิมสักหน่อย”ฐิติพัฒน์ มีชูบท กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดออฟพิมุส กล่าว

:รู้ทันตลาดเพื่อให้ต่าง

บานานาโจ เป็นธุรกิจที่ลงขันร่วมกันระหว่างเพื่อนสนิทฐิติพัฒน์ และ วชิรวิชญ์ ศิริโชควณิชย์ ซึ่งเรียนจบด้านการเงินมาด้วยกันจากต่างประเทศ โดยโจทย์แรกของการเป็นเจ้าของธุรกิจพวกเขาต้องการเป็นแค่ผู้นำเข้าขนมกรุบกรอบที่กินอร่อย แปลกตาหาไม่ได้ในไทย แต่ประเมินดูคร่าวๆแล้วคิดว่าไม่น่าจะไปไหวเพราะต้นทุนต้องสูงมากและอาจใช้เวลาทำให้ตลาดยอมค่อนข้างนาน

สองเกลอหันมามองตลาดไทยซึ่งมีความพร้อมด้านผลิตผลทางการเกษตร และช่วยกันตั้งโจทย์ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี โดยเป้าหมายยังคงเดิมคือ จะขายขนมกรุบกรอบ จนได้กรอบความคิดที่แคบลงว่า ต้องเป็นขนมที่คนไทยกินได้ฝรั่งกินดี กระทั่งมาหยุดที่กล้วย เพราะใกล้เคียงกับมันฝรั่งที่ฝรั่งตาน้ำข้าวนิยมกินกัน

พวกเขาพากันตะเวนศึกษาตลาดแปรรูปกล้วยในไทยอยู่ร่วมปี เสิร์ชหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ดูวิธีสาธิตการทำจากยูทูป และทดลองชิมกันไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้มีพื้นฐานความรู้ในการแปรรูปกล้วยเสมือนมืออาชีพ จากเดิมที่ไม่มีทักษะด้านการทำอาหารมาก่อน กระทั่งมาปิ๊งว่าจะทำกล้วยฉาบขาย เพราะคนจำนวนมากทั้งคนไทยและต่างชาติสามารถกินได้ และตลาดบนยังมีคู่แข่งน้อย

ทุนก้อนแรกที่ลงขันอยู่ในหลักแสนบาท กับการสร้างธุรกิจกล้วยฉาบป้อนเข้าสู่ชั้นจำหน่ายชิ้นค้าในห้างสรรพสินค้าและตลาดเวียงจันทร์ของ สปป.ลาว เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์ โดยนำความรู้ที่ได้มาจากการสอบถามผู้ประกอบการอื่นๆปรับเป็นโนฮาวน์ที่เฉพาะตัวสำหรับบานานาโจ ทั้งวิธีการหั่นกล้วย ว่าต้องทำองศาเท่าไหร่จึงจะกรุบกรอบน่ากิน ทอดอย่างไรให้เก็บได้นาน เรียกว่าลองผิดลองถูก และทดลองตลาดจนได้สูตรที่มีลูกค้าขาประจำกลับมาซื้อซ้ำ

“กล้วยฉาบ แบรนด์บานานาโจ ต่างจากกล้วยฉาบทั่วไป เพราะเลือกที่จะใช้กล้วยหอมทองที่มีอยู่ส่วนน้อยของตลาดเป็นวัตถุดิบ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบที่บรรจงคัดสรรและผู้บริโภคได้รับคุณค่าด้านโภชนาการกลับไปมากกว่าการกินเล่น ขณะที่ท้องตลาดนิยมใช้กล้วยน้ำว้าเป็นบรรทัดฐานเพราะต้นทุนการผลิตถูกกว่า”ฐิติพัฒน์ กล่าว

:จับคู่นักวิจัย

ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเข้าร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์กับกรมส่งเสริมการส่งออก โดยมีการจับคู่ธุรกิจกับ ผศ.ดร.บัณฑิต อินณวงศ์ นักวิจัยจากภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ด้วยการเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานระดับอุตสาหกรรม และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการไทยแลนด์ฟู้ดวัลเลย์ซึ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

“5 เดือนมานี้ผมและเพื่อนคลุกคลีอยู่ในห้องแล็ปของนักวิจัยวันละมากกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อคิดค้นสูตรการผลิตกล้วยฉาบที่กินแล้วอร่อย สุขภาพดี ตั้งแต่วิธีการเลือกกล้วยหอม การปอก การหั่น ทำอย่างไรกล้วยไม่ดำ การทอดด้วยเทคนิคสะบัดเอาน้ำมันออก การปรุงรส การบรรจุซองซึ่งต้องมีการออกแบบที่โดดเด่น และการทำตลาดใหม่ทั้งหมด เรียกว่านับจากนี้มีความมั่นใจกับการขายกล้วยมากขึ้นเป็นกอง”ผู้บริหารมือใหม่ กล่าว

วิธีทอดกับสูตรการผลิต คือสิ่งยากที่สุด ผู้บริหารมือใหม่กล่าว เพราะกว่าจะได้กล้วยที่พร้อมกินต้องคิดอีกว่าทำอย่างไรให้กล้วยออกมาชิ้นเท่าๆกัน ทำอย่างไรกล้วยไม่ดำ ซึ่งทดลองหลายวิธีมากทั้งการแช่น้ำแข็ง แช่น้ำเกลือ แช่น้ำส้ม บางคนก็บอกให้ลองใส่น้ำร้อน น้ำปูนใส ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ จนร่วมงานกับนักวิจัยจึงได้เทคนิคพิเศษ

เขาบอกว่า กล้วยทอดที่กินอร่อย ต้องใช้วัตถุดิบที่ดี องศาที่หั่นก็ต้องเป๊ะเพื่อให้ขนมทุกชิ้นออกมาสวยงามเหมือนกันทุกครั้งที่ผลิต รวมถึงเลือกจะไม่เติมผงชูรสหรือสารกันบูดลงไป เพราะต้องการให้บานานาโจมีแต่คุณประโยชน์ต่อสุขภาพเหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยจริงๆ

“แผนที่วางไว้ปีนี้จะลงทุนเพิ่ม 10 ล้านเพื่อขยายกำลังผลิต จากเดิมที่ผลิตได้แค่ 2,000 กิโลกรัมต่อเดือน เป็น 60-120 กิโลกรัมต่อชั่วโมง และจะเจาะตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และตลาดเอเซียเป็นอันดับแรกก่อนขยับไปตลาดยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นเป้าหมายหลักมาตั้งแต่ต้น”กรรมการผู้จัดการ แบรนด์บานานาโจ กล่าวและว่า ถ้าเป็นไปได้ก็จะส่งไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่นด้วยเพราะถ้าส่งไปจำหน่ายที่ประเทศเขาได้จะยิ่งทำให้ตลาดโลกยอมรับและสนใจบานานาโจได้ไม่ยาก โดยสำหรับยอดขายในปีแรก ไม่น่าจะถึง 5 ล้านเพราะกำลังผลิตที่น้อย แต่เชื่อว่าใน 1-2 ปีจะเติบโตเป็น 100 ล้านได้ไม่ยาก เพราะมีบางประเทศที่ยังไม่มีสแน็คที่ทำจากกล้วยมาก่อน ซึ่งนั่นคือโอกาสทองของบานานาโจหากมีกำลังไปถึง