'แคนดี้ทอยส์' อดีตเรียกคืนได้

เทรนด์การตกแต่งสไตล์เรโทรเปิดโอกาสการคืนชีพให้กับแคนดี้ ทอยส์ ของเล่นพลาสติกกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง
บุษกร ภู่แส -รายงาน
เทรนด์การตกแต่งภายในสไตล์เรโทร (Retro) กำลังฮอตฮิต เปิดโอกาสการคืนชีพให้กับ“แคนดี้ ทอยส์” ของเล่นพลาสติกราคาไม่กี่บาท ที่แม้จะไม่ใช่ธุรกิจสร้างกำไรแต่ก็เป็นธุรกิจที่มีคุณค่าทางจิตใจของครอบครัว "เดชอนันตชาติ" ผู้บุกเบิกตลาดแคนดี้ทอยส์รายใหญ่ของเมืองไทยมากว่า 3 ทศวรรษ
ณ ปัจจุบัน กิจการในครอบครัว "เดชอนันตชาติ" มีทั้งมินิมาร์ท เครื่องสำอางสมุนไพรส่งออก ขนมขบเคี้ยวและรีสอร์ตครบวงจร ล้วนสร้างผลกำไรและมูลค่าทางการตลาดมหาศาล แต่พวกเขาไม่เคยทอดทิ้งกิจการแคนดี้ทอยส์ แม้ว่าของเล่นเหล่านี้จะเลือนหายไปตามกาลเวลา และถูกแทนที่ด้วยของเล่นดิจิทัลหรือเกมบนคอมพิวเตอร์
ของเล่นกลิ่นอายอดีต
กฤษณะ เดชอนันตชาติ ทายาทรุ่นสองเล่าถึงธุรกิจครอบครัวในชื่อ บริษัท เฟิรสท์ ซุปเปอร์ ฟู้ด จำกัด ว่าเป็นโรงงานผลิตขนม ลูกอมและของเล่นพลาสติกที่เกิดมากว่า 30 ปีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อและเพื่อน ซึ่งผลิตแคนดี้ ทอยส์พลาสติกออกมาส่งขายตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก ต่อมาหลังจากเขาเข้ามารับช่วงกิจการนั้น เป็นเวลาที่ธุรกิจของเล่นมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามยุคสมัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
"เราจำเป็นปรับตัวด้วยการพยายามพัฒนาสินค้าให้เข้ายุคเข้าสมัยมากขึ้น ยกตัวอย่าง ช่วงไหนที่มีอะไรดัง เช่น ไอโฟนก็จะทำของเล่นในลักษณะนั้นออกมา โดยยังคงกลิ่นอายความเป็นของเล่นย้อนยุคอยู่ พัฒนามาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของใกล้ตัวเด็กมีโทรศัพท์ เครื่องบิน รถยนต์ที่เด็กคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน มีการฝึกทักษะบ้างเล็กๆ น้อยๆให้เหมาะกับเด็กอายุตั้งแต่ 3-8 ขวบ"
ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดี แคนดี้ ทอยส์จึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ผ่านการดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นของเล่นที่สร้างความรู้สึกย้อนระลึกถึงความสุขในอดีตวัยเด็กหรือวัยรุ่น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาแคนดี้ทอยส์แนวเรโทรให้เข้ากับยุคสมัย ส่วนกลุ่มลูกค้าก็ยังคงเน้นตลาดต่างจังหวัดเหมือนเดิม
แต่พยายามขยายตลาดเข้าไปในกลุ่มคนเมืองที่นิยมสะสมสินค้าแนวย้อนยุค รวมถึงร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ตกแต่งสไตล์เรโทร อีกทั้งรุกเข้าไปวางขายในคอนวีเนียนสโตร์ เช่น 108 ช็อป แฟมิลี่มาร์ท ปั๊มน้ำมันปิโตรนาส
"สินค้าแนวย้อนยุคเหมาะกับยุคสมัยที่ผู้คนโหยหาความสุขสมัยวันวาน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 30-40ปีขึ้นไป ที่เสาะหาสิ่งของเครื่องใช้ที่มีคุณค่าต่อจิตใจ" กฤษณะกล่าว
ใจไม่รัก ทำไม่ได้
กฤษณะ ยอมรับว่า ตลาดในเมืองเติบโตไม่มากเพราะของเล่นเด็กมีทางเลือกมากขึ้น แต่อาศัยฐานลูกค้าต่างจังหวัดที่กำลังซื้อไม่สูง ทำให้ยังรักษายอดขายได้ด้วยราคาระดับเริ่มตั้งแต่ 2-12 บาท อีกทั้งได้ปรับเพิ่มราคาเพียงเล็กน้อย จากอดีตราคาถูกสุดชิ้นละ 25 สตางค์ปรับมาอยู่ที่ 2 บาทเท่านั้น
"ของเล่นแต่ละชนิดมีอายุสั้นลงเร็วขึ้น เพราะว่าเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มเป้าหมายหลักอีก 1-2 ปีก็เปลี่ยนไปให้ความสนใจสินค้าดิจิทัลล้ำสมัยมากขึ้น ทีมงานออกแบบจึงต้องดีไซน์ให้ตรงกับความต้องการของเด็กๆ"
กฤษณะกล่าวและว่า เราคงเป็นรายเดียวในประเทศที่ทำของเล่นแนวนี้ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ไม่อยากเข้ามาเล่น จึงมีคู่แข่งน้อยมาก เหตุจากราคาสินค้าที่ถูกสุดๆ อีกทั้งตลาดนี้ไม่ได้มีมูลค่าหรือขนาดใหญ่ แต่เราก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าถึงทางตันก็ค่อยว่ากันอีกที เนื่องด้วยเป็นธุรกิจที่ทำด้วยใจรัก
ฉะนั้น ธุรกิจต่างๆของครอบครัว "เดชอนันตชาติ" ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนมขบเคี้ยวที่มีหนังปลาแซลมอน ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวในรูปแบบของขบเคี้ยว ธุรกิจเครื่องสำอางและสปา โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ล้วนเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่เกื้อหนุนแคนดี้ทอยส์ ไม่ให้กลายเป็นเพียงสินค้าในความทรงจำหรือเลือนหายไปตามกาลเวลา
ติดตามภาพเคลื่อนไหวได้ที่http://youtu.be/5zDO6hcUbVU







