ห้องเรียนดิจิตอล

ห้องเรียนดิจิตอล

มหาวิทยาลัยรังสิต เตรียมเปิดห้องเรียนอัจฉริยะ ผลิตครูนักเรียนที่เน้นภาคปฏิบัติมากกว่าท่องจำทฤษฎีจากตำรา

เรื่องโดย กานต์ดา บุญเถื่อน

4 ปีที่ผ่านมางบประมาณ 100 กว่าล้านบาทของมหาวิทยาลัยรังสิตถูกทุ่มไปกับโครงการสมาร์ทคลาสรูม หรือห้องเรียนอัจฉริยะ ทั้งการผลิตบุคลากร ตำราเรียนอิเล็กทรอนิกส์ และการปั้นนักเรียนดิจิตอล เพื่อนำเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงลดการใช้ตำรากระดาษและกระดานดำ

:ห้องเรียนดิจิตอล

ผศ.ดร.นเรฎฐ์ พันธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต (ม.รังสิต) กล่าวว่า ช่วง 3- 4 ปีที่ผ่านมาม.รังสิตทุ่มงบประมาณเพื่อวางระบบการเรียนการสอนให้อยู่ในรูปของดิจิตอล เตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านไอทีซึ่งจะลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นหรือสิ้นเปลืองออกไป โดยเฉพาะการใช้กระดาษในการเรียนการสอนหรือให้เด็กทำรายงานเป็นเล่มๆมาส่งในแบบเดิมๆ พร้อมที่จะรับมือกับการเปิดประเทศสู่ประชาคมอาเซียนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

สมาร์ทคลาสรูมของม.รังสิตค่อยๆเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากการสนับสนุนอุปกรณ์ไอทีให้กับอาจารย์ผู้สอน ราวๆ 4 ปีก่อนโดยมีคอร์สอบรมความรู้ในด้านการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนรูปแบบเนื้อหาดิจิตอล การโต้ตอบระหว่างอาจารย์และศิษย์ทั้งเรื่องการสั่งงาน การตรวจการบ้าน ผ่านอีเมล์

ล่าสุดในปีที่ผ่านมามหาวิทยาลัยทดลองนำซัมซุงอีบอร์ด หรือกระดานอิเล็กทรอนิกส์ขนาด 65 นิ้ว มาทดลองใช้งาน 10 เครื่อง ซึ่งการใช้งานเป็นระบบนิ้วสัมผัส หรือจะใช้ปากกาสไตลัสในการวาดเขียนข้อความหรือรูปภาพด้วยลายมือของผู้ใช้ เลือกสีที่จะใช้เขียนได้ ซึ่งจะเพิ่มความสนุกสนานและความน่าสนใจในห้องเรียนมากกว่ากระดานดำหรือไวท์บอร์ดแบบเดิมๆ ทั้งยังมีการวางระบบไวไฟภายในสถาบันเพื่อรองรับการเรียนการสอนในรูปแบบดังกล่าวอีกด้วย โดยแยกกับระบบเซิร์ฟเวอร์กลาง เพื่อลดปัญหาระบบล่มเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก่อน

เขา กล่าวต่อว่า การสอนที่อาจารย์ใช้กระดานอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนนักศึกษาใช้กาแล็คซี่โน้ต 10.1 จะทำให้เกิดความสะดวกสบาย ตั้งแต่การเช็คชื่อซึ่งมีเซ็นเซอร์ตรวจจับเครื่องกาแล็คซี่โน้ตที่นักเรียนถือมา ไม่ต้องเสียเวลาให้อาจารย์นั่งขานชื่อเหมือนเมื่อก่อน รวมถึงไม่ต้องแบกตำราเรียนเล่มหนามาทุกวัน แต่สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาที่จะเรียนได้จากหน้าเว็บของอาจารย์แต่ละท่าน หรือการโอนถ่ายข้อมูลจากกระดานอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่แท็บเล็ตของผู้เรียนก็ได้เช่นกัน

:เน้นปฏิบัติมากกว่าท่องจำ

อาจารย์สามารถที่จะดูหน้าจอของนักศึกษาแต่ละคนได้ว่า ขณะนี้เขาทำอะไรอยู่ ตั้งใจเรียนหรือทำแบบฝึกหัดตามที่สั่งหรือไม่ และบล็อกหน้าจอที่ไม่ต้องการกรณีที่เขานั่งเล่นเกมหรือท่องเว็บขณะที่เรียนได้ด้วยรวมถึงสามารถที่จะดึงหน้าจอของนักศึกษาขึ้นมาแสดงให้เพื่อนดูเพื่อแชร์ความคิดให้กับเพื่อนๆคนอื่น

การเรียนการสอนแบบนี้เองที่จะกระตุ้นให้เด็กทุกคนได้ลงมือทำเหมือนๆกันด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในมือของตัวเอง แทนที่จะต่างคนต่างท่องจำจากตำราเหมือนการเรียนสมัยก่อน ซึ่งวัดผลการเรียนได้ยากว่าคนไหนเข้าใจหรือไม่เข้าใจเนื้อหาในช่วงที่อยู่ในห้องเรียน ทั้งยังเป็นการลดใช้ทรัพยากรกระดาษโดยไม่จำเป็นอีกทางหนึ่งด้วย

“อุปสรรคของการเปลี่ยนจากระบบการสอนแบบเดิมเป็นระบบดิจิตอลไม่ได้ง่าย เพราะบุคลากรแต่ละคนต่างก็มีไลฟ์สไตล์ต่างกันบางคนไม่เล่นกับอุปกรณ์ไอทีก็มี จึงทำให้นอกจากสอนวิธีใช้งานแล้ว ยังต้องกระตุ้นให้เกิดการนำไปใช้ในการเรียนการสอนในห้องเรียนอย่างจริงจังด้วย ซึ่งทางสถาบันก็พยายามสร้างมาตรการออกมากระตุ้นหลากหลาย เพื่อให้อาจารย์และนักศึกษาทุกคนหันมาตั้งใจเรียนรู้และมีชีวิตอยู่กับความก้าวหน้าเหล่านี้ให้ได้”รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว

รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวต่อว่า แผนที่วางไว้สำหรับสาร์ทคลาสรูมคือ ในปีการศึกษา 2556 จะให้นักเรียนปี 1 ทุกคนนำร่องใช้เครื่องกาแล็คซี่โน้ต 10.1 ในห้องเรียน อาทิ วิชาธรรมาธิปไตย และวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาบังคับที่ทุกคนต้องเรียน แล้วค่อยๆขยายผลไปยังรายวิชาอื่น เช่น สถาปัตยกรรมศาสตร์ การออกแบบ เป็นต้น

“ใน 3-4 ปีข้างหน้าระบบการเรียนการสอนด้วยห้องเรียนอัจฉริยะจะเริ่มเห็นความสำเร็จจาก 1 เป็น 100% ซึ่งทางสถาบันคาดหวังว่าผู้เรียนและผู้สอนจะนำองค์ความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะอนาคตคนไทยคงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้อย่างแน่นอน”รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว

นายบุญเลิศ วิบูลเกียรติ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ซัมซุงถูกนำไปขยายผลในระบบการศึกษามากมาย อย่างในประเทศเกาหลีซึ่งนำไปใช้กับเด็กมัธยมก็พบว่ากระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจใคร่รู้ในห้องเรียนมากขึ้น และในประเทศไทยก็มีการนำมาใช้ในการเรียนการสอนระดับประถมและมัธยมบ้างแล้วระยะหนึ่งเช่นกัน

“ม.รังสิตเป็นสถาบันแรกที่นำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบในระดับอุดมศึกษา ซึ่งอนาคตหลังจากนี้ทั้ง 2 องค์กรจะมีความร่วมมือกันพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อุปกรณ์ไอทีที่พัฒนาขึ้นตอบโจทย์ตัวมันเองอย่างคุ้มค่า ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ที่เอาไว้แค่เล่นเกมหรือฟังเพลงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น”นายบุญเลิศ กล่าว