ไทยสไตล์...ของจริง

ไทยสไตล์...ของจริง

ถึงเวลาบอกลาแว่นกันแดดแบรนด์หรูจากยุโรป แต่ใส่แล้วหลุดดั้ง และเตรียมอ้าแขนรับแว่นกันแดดแบรนด์ไทย ยักษ์คิวบ์ ที่รองรับสรีระคนไทย

บ่มเพาะความรู้และประสบการณ์จากการขายแว่นกันแดดแบรนด์นำเข้ามากว่า 3 ปี พกความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับการเข้าสู่เส้นทางผู้ผลิตแว่นกันแดดสัญชาติไทยสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดที่ว่าไม่มีใครที่รู้จักและรู้ใจคนไทยได้ดีเท่ากับคนไทยด้วยกันเอง

"ลัดดา กุลแสงเจริญ" มองเห็นปัญหาเล็กๆ ของคนไทยบางส่วน ที่โครงหน้าไม่เหมาะกับแว่นแบรนด์ต่างประเทศ พร้อมทั้งฉุกคิดได้ว่า ทำไมไม่มีแว่นกันแดดสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ จึงศึกษาข้อดีข้อด้อยของแว่นกันแดดแต่ละแบรนด์ ก่อนที่จะร่วมกับเพื่อนๆ สร้างแบรนด์แว่นกันแดดไทยแท้ขึ้นมาในชื่อ "ยักษ์คิวบ์" (Yuckube)

ยักษ์ไทยพร้อมเกิด
ยักษ์คิวบ์ เกิดจากความร่วมมือของลัดดาที่เชี่ยวชาญด้านแว่นกันแดด, จรัญ จีนศักดิ์โต กราฟิคดีไซเนอร์ที่ทำหน้าที่ออกแบบ, พฤตินัย แสวงศักดิ์ ทำการตลาด และชาติฉกาจ ไวกวี ดูแลสื่อต่างๆ รวมถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์

ยักษ์คิวบ์ มาจากคำว่า ยักษ์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของไทย แสดงถึงความแข็งแกร่ง ทรงพลัง ส่วนคิวบ์ (Kube หรือ Cube) คือกล่อง ในความหมายที่คิดกันเอาไว้ ยักษ์คิวบ์ก็คือยักษ์ที่เปรียบเสมือนคนไทยที่พร้อมจะออกจากกล่อง ให้โลกได้รู้จักและสนใจคนไทย แบรนด์ไทย

ที่สำคัญยังพ้องเสียงกับคำว่า "ยักคิ้ว" กิริยายียวน สุดเฟี้ยว ที่บ่งบอกตัวตนของลูกค้าเป้าหมายได้อีกด้วย

จุดเด่นของแว่นกันแดดแบรนด์ไทยนี้คือ การออกแบบที่เข้ากับเบ้าหน้าแบบไทย โดยจรัญ กราฟิคดีไซเนอร์ที่ดูแลด้านการออกแบบ กล่าวว่า โครงสร้างหน้าของคนไทยและคนชาติยุโรป อเมริกา จะมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อแว่นแบรนด์เนมมาใส่แล้วดูดี บางครั้งใส่แล้วก็หลุดดั้ง เพราะสันจมูกของคนไทยส่วนใหญ่มีน้อย ไม่โด่งเท่าฝรั่ง

เขาจึงออกแบบแว่นยักษ์คิวบ์ คอลเล็คชั่นแรกในชื่อ LAZORS โดยให้ทรงแว่นตัดตรงด้านบน เพื่อเน้นดั้งจมูก และวางอัตราส่วนตัวแว่น องศาของกรอบแว่นที่เหมาะกับรูปหน้าคนไทย ทำให้มีขนาดพอดี สามารถสวมใส่ขณะทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่เลื่อนหลุด ให้รำคาญ

เจาะตลาดวัยทีน
ลัดดา ชี้ว่า แว่นกันแดดยักษ์คิวบ์มีจุดเด่นอยู่ที่ราคาไม่สูง น้ำหนักเบา สวมง่าย กันแดดได้จริง และเน้นที่เลนส์สีเด่นไม่ซ้ำใคร วางตำแหน่งสำหรับกลุ่มคนวัย 16-35 ปี และคนที่มีไลฟ์สไตล์สนุกๆ กล้าคิดกล้าทำ

"ลูกค้ากลุ่มแรกเริ่มจากฐานลูกค้าเดิมของร้านค้าออนไลน์ Burgundy Dipper ที่สั่งนำเข้าแว่นกันแดดมาจำหน่าย ส่วนมากมีไลฟ์สไตล์สนุก ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา จากนั้นนำไปสู่การบอกต่อในกลุ่มที่ทำกิจกรรมร่วมกัน การแชร์รูปสินค้าในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะตามมาเป็นลูกค้า" เจ้าของแบรนด์กล่าวพร้อมชี้ว่า กลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มที่จะตามมาคือ คนที่สนับสนุนแบรนด์สินค้าไทยนั่นเอง

จุดแข็งอีกอย่างของแว่นกันแดดไทยทำคือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ ชาติฉกาจ อธิบายว่า สำหรับยักษ์คิวบ์ไม่ใช่แค่ทำแล้วขาย แต่นำเสนอ "เรื่องราว" โดยเริ่มจากถ่ายแฟชั่นเซ็ตหรือ lookbook ปล่อยลงในแฟนเพจของแบรนด์ ทำหนังวิดีโอ เพื่อปูทางสร้างความเข้าใจในตัวแบรนด์ เข้าใจอัตลักษณ์ความเป็นยักษ์คิวบ์ ปรากฏว่าได้รับความสนใจ สอบถามและสั่งซื้อตั้งแต่ยังไม่วางขาย

ปัจจุบัน ยักษ์คิวบ์มีสินค้าแค่ 1 แบบแต่หลายสี หลายเลนส์ แต่ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้จะเปิดตัวรุ่นใหม่อีก 4 แบบเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น อีกทั้งจะขยายช่องทางจำหน่ายโดยเพิ่มการขายส่งให้มากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายให้เป็นหลักพันชิ้นต่อเดือน จากปัจจุบัน 300-400 ชิ้นต่อเดือน" ลัดดากล่าว

ในอนาคต ยักษ์คิวบ์จะมีดีไซน์ใหม่ออกมาปีละ 2 ครั้ง โดยการออกแบบจะขึ้นอยู่กับเทรนด์แฟชั่น อีกทั้งมีแผนจะทำแว่นกันแดดแฟชั่น รวมถึงแว่นสายตาอีกด้วย

"ยักษ์ตนนี้จะต้องตัวใหญ่ขึ้น ไปไกลกว่าเดิม เนื่องจากเราตั้งเป้าที่จะทำให้แบรนด์แข็งแกร่งกับตลาดในประเทศภายใน 3 ปี ก่อนที่จะเดินหน้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยจะอาศัยคุณภาพของแว่นกันแดด เลนส์ และงานออกแบบที่ใส่กลิ่นอายความเป็นไทย" เจ้าของแบรนด์ทิ้งท้าย