Gemini โตแรง แย่งส่วนแบ่งทราฟิก ChatGPT ผู้ใช้ขยับสู่ยุค ‘สร้าง-แชร์ด้วยเอไอ’

Gemini โตแรง แย่งส่วนแบ่งทราฟิก ChatGPT ผู้ใช้ขยับสู่ยุค ‘สร้าง-แชร์ด้วยเอไอ’

Gemini โตเท่าตัวภายใน 12 เดือน ส่วนแบ่งทราฟิกเพิ่มจาก 6.4% เป็น 12.9% ฟีเจอร์ Nano Banana ดันยอดผู้ใช้พุ่ง ขณะที่ OpenAI เปิดตัว Sora ผู้ใช้ทั่วโลกเปลี่ยนพฤติกรรม สู่ยุค ‘สร้าง-แชร์ด้วยเอไอ’ อย่างเต็มตัว

KEY

POINTS

  • ยอดทราฟิก Gemini เติบโตต่อเนื่อง เริ่มชิงพื้นที่ ChatGPT ในบางภูมิภาค ปัจจัยสำคัญจากฟีเจอร์สร้างภาพ Nano Banana ที่กลายเป็นกระแสไวรัล
  • พฤติกรรมผู้ใช้เอไอเปลี่ยนจากการใช้เพื่อค้นหาคำตอบมาเป็นการใช้เพื่อสร้างและแชร์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียมากขึ้น กลายเป็นเทรนด์สำคัญของตลาด
  • กระแสสร้างและแชร์สะท้อนจากความนิยมของเครื่องมืออย่าง Nano Banana ของ Gemini และแอปสร้างวิดีโอ Sora ของ OpenAI ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้สร้างผลงานเพื่อเผยแพร่ต่อ

สนามแข่งขันปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์เข้าสู่ศึกระลอกใหม่ หลังข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์วิเคราะห์ทราฟิก SimilarWeb พบว่า Gemini ของ Google กำลังขยายส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตเท่าตัวในรอบปีที่ผ่านมา ขณะที่ ChatGPT ของ OpenAI เริ่มสูญเสียความได้เปรียบในบางตลาดหลัก

รายงาน Generative AI Traffic Share (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2568) ซึ่งวัดจากสัดส่วนการเข้าชมเว็บไซต์และแพลตฟอร์มเอไอทั่วโลก ระบุว่า ส่วนแบ่งทราฟิกของ Gemini เพิ่มจาก 6.4% เมื่อปีก่อน เป็น 12.9% ในปัจจุบัน

ขณะที่ ChatGPT ลดลงจาก 87.1% เหลือ 74.1% แม้จะยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดโดยรวม แต่แนวโน้มสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ใช้เริ่มกระจายตัวสู่แพลตฟอร์มอื่นมากขึ้น

Nano Banana ปลุกกระแสไวรัลของกูเกิล

หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยผลัก Gemini ให้เติบโตคือ ฟีเจอร์แก้ไขภาพเอไอที่บริษัทเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2568 ภายใต้ชื่อ Nano Banana (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Gemini 2.5 Flash)

กูเกิลระบุว่า Nano Banana ถูกใช้งานสร้างภาพแล้วมากกว่า 5 พันล้านภาพ ทั้งนี้ โมเดลดังกล่าวยังกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ เพราะชื่อแปลกจำง่าย แถมใช้งานสนุกและมีลูกเล่นที่ผู้ใช้แชร์ต่อกันจนติดเทรนด์ TikTok และ X (Twitter เดิม) สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ใช้จำนวนมาก 

นอกจากนี้ รายงานจาก eMarketer ชี้ว่า Gemini เคยขึ้นเป็น “แอปฟรีอันดับ 1” บน iOS App Store ในสหรัฐ โดย Nano Banana เป็นปัจจัยสำคัญ 

ข้อมูลจาก Appfigures ยังระบุว่า ยอดดาวน์โหลดของแอป Gemini เพิ่มขึ้นถึง 331% เมื่อเทียบช่วงปลายกรกฎาคมถึงต้นตุลาคม และในสหรัฐเท่านั้น ยอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 88% ในช่วงเดียวกัน ขณะที่คู่แข่งอย่าง Firefly ของ Adobe ลดลง 68%

อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจะแสดงให้เห็นว่า Gemini กำลังไต่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเริ่มแย่งส่วนแบ่งจาก ChatGPT ได้ในบางภูมิภาค-แพลตฟอร์ม แต่ข้อมูลจาก SimilarWeb ชี้ว่า ChatGPT ยังคงมี “ผู้ใช้ที่เหนียวแน่น” สูงกว่า และยังครองอันดับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์และแอปโดยรวมมากกว่า Gemini

OpenAI เปิดเกมใหม่ด้วย Sora

เดือนตุลาคม 2568 บริษัท OpenAI เปิดตัวแอปวิดีโอ Sora ซึ่งสามารถสร้างคลิปจากข้อความ (text-to-video) ได้โดยตรง และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว 

รายงานจาก Business Insider ระบุว่า Sora ทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้ง ภายใน 5 วัน และขึ้นอันดับต้นของ App Store ในหลายประเทศ แสดงถึงการขยายสนามแข่งขันจาก “แชตบอต” ไปสู่ “วิดีโอเอไอ” อย่างเป็นทางการ

Sora ออกแบบให้เน้นการสร้างคลิปแนวสั้นในรูปแบบวิดีโอแนวตั้ง แชร์ง่าย คล้ายกับ TikTok หรือ Reels ของ Meta ทำให้เกิดกระแสการแชร์ผลงานบนโซเชียลอย่างรวดเร็ว

กระแส Sora ยังส่งแรงสั่นสะเทือนต่อแพลตฟอร์มเอไอรายอื่น ทั้งด้านทราฟิกและเวลาใช้งานของผู้ใช้ โดยรายงานจาก TechCrunch พบว่าในช่วงที่ Sora เปิดตัว เว็บไซต์เนื้อหาข่าวและสารานุกรมออนไลน์อย่าง Wikimedia มีทราฟิกลดลงราว 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนพฤติกรรมผู้ใช้ที่หันมาดูวิดีโอเอไอและคอนเทนต์สั้นมากขึ้น

ตลาดเอไอแตกตัว คู่แข่งหน้าใหม่ทยอยแทรก

รายงานของ SimilarWeb ยังระบุด้วยว่า นอกจากคู่หลักแล้ว ตลาดเอไอแชตบอตและสร้างเนื้อหากำลังถูกแบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย

  • Perplexity ซึ่งเป็นเอไอด้านการค้นหาข้อมูล มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2.4%
  • Claude ของ Anthropic ขยับจาก 1.7% เป็น 2.0%
  • DeepSeek ที่เคยเป็นดาวรุ่งด้วยส่วนแบ่ง 6.8% เมื่อ 6 เดือนก่อน ลดลงเหลือเพียง 3.7%
  • Grok ของ X (เดิมคือ Twitter) เคยขึ้นไปแตะ 3.1% ก่อนจะตกลงมาเหลือ 2.0%
  • ขณะที่ Microsoft Copilot ยังคงทรงตัวอยู่ราว 1.2% ตลอดทั้งปี

ตลาดรวมของเอไอแชตบอตในปี 2568 มีการเข้าชมรวมเกือบ 100 พันล้านครั้ง จากเครื่องมือเอไอกว่า 10,500 รายการทั่วโลก และมีอัตราเติบโตแบบปีต่อปีสูงถึง 123%

อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกเอไอ

นักลงทุนชื่อดัง ชามาท พาลิฮาพิติยา (Chamath Palihapitiya) วิเคราะห์ข้อมูลตลาดเอไอจาก SimilarWeb ชี้กระแสการเติบโตของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังเข้าสู่ “บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ได้เปรียบกว่า” เพราะมีฐานผู้ใช้และระบบนิเวศน์ที่กว้างกว่าสตาร์ตอัป

OpenAI ยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด แต่กำลังสูญเสียส่วนแบ่งให้กับ Google และ Meta ที่มีความได้เปรียบด้านการเข้าถึงผู้ใช้โดยตรง ส่วน xAI ของอีลอน มัสก์อาจต้องหาพันธมิตรหรือเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายฐานผู้ใช้

ขณะเดียวกัน พาลิฮาพิติยาเตือนถึงแนวโน้ม “เครื่องมือโค้ดดิ้งเอเจนต์” ที่เติบโตช้าลง เนื่องจากไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในระดับองค์กร ผู้ใช้จำนวนมากเลิกใช้งานหลังทดลองช่วงสั้นๆ สะท้อนว่าตลาดเอไอกำลังเข้าสู่ช่วงคัดกรองเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและประสิทธิผลจริง

อย่างไรก็ตาม การที่กูเกิลผนวก Gemini เข้าไว้ในระบบบริการของตนเอง ตั้งแต่การค้นหา (Search) ไปจนถึง Android และ YouTube ทำให้เข้าถึงผู้ใช้นับพันล้านคนทั่วโลกได้ในทันที ต่างจากสตาร์ตอัปที่ต้องสร้างฐานผู้ใช้จากศูนย์ 

กูเกิลสามารถ “ฝัง” Gemini เข้าไปในบริการที่คนใช้อยู่ทุกวันได้ทันที เช่น ฟังก์ชันช่วยเขียนอีเมล แก้ภาพ หรือสรุปเนื้อหาใน YouTube ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้โดยไม่ต้องโฆษณาหนัก แนวทางนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Gemini ค่อยๆ แซงขึ้นมาในตลาด โดยใช้จุดแข็งด้านระบบนิเวศน์ แทนที่จะเร่งเติบโตแบบฉาบฉวยอย่างแพลตฟอร์มหน้าใหม่หลายราย

ผู้ใช้เปลี่ยนพฤติกรรม จาก ‘ถามเอไอ’ สู่ ‘สร้างและแชร์คอนเทนต์’

นอกจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีแล้ว ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดเอไอในปี 2568 คือ พฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่นิยมพิมพ์คำถามเพื่อหาคำตอบ กลายเป็นการใช้เอไอเพื่อสร้างและแชร์คอนเทนต์บนโลกออนไลน์

กรณีของ Nano Banana คือ ภาพสะท้อนชัดเจน ผู้ใช้จำนวนมากไม่ได้มอง Gemini เป็นแค่เครื่องมือช่วยงาน แต่เป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างภาพแนวขำขัน ศิลปะ หรือมุกไวรัลได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์ไม่กี่คำ แล้วแชร์ต่อบน TikTok หรือ X ได้ทันที 

เทรนด์ดังกล่าวทำให้จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยข้อมูลจาก Appfigures พบว่า ปริมาณการแชร์คอนเทนต์จาก Gemini เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในช่วงสามเดือนหลังเปิดตัว Nano Banana

ด้าน Sora ของ OpenAI ก็สะท้อนแนวโน้มเดียวกัน ด้วยความสามารถสร้างวิดีโอจากข้อความในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากนำผลงานไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มวิดีโอแนวตั้งอย่าง TikTok, Instagram Reels และ YouTube Shorts จนเกิดกระแส “AI Video Challenge” คล้ายกับตอนที่ Midjourney และ DALL-E เคยเป็นไวรัลเมื่อสองปีก่อน

รายงานจาก TechCrunch ระบุว่า ปัจจุบันทราฟิกของแพลตฟอร์มเอไอเชิงสร้างสรรค์กว่า 60% มาจากช่องทางมือถือและโซเชียลมีเดีย เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนการเปลี่ยนแปลงจากการใช้เอไอในเชิงข้อมูลไปสู่การใช้เพื่อการแสดงออกและความบันเทิง

การเปลี่ยนพฤติกรรมนี้อาจเป็นตัวเร่งให้ตลาดเอไอเข้าสู่ยุคใหม่ ที่ไม่วัดกันแค่ความฉลาดของโมเดล แต่คือการวัดว่า “ใครกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้ใช้ได้มากกว่า” ตลาดเอไอจึงกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของคำตอบมาสู่ยุคของ “คอนเทนต์” อย่างเต็มตัว

 

 

อ้างอิง: Business Insider Lifewire Similarweb Google Techcrunch Economic Times