Meta ปลดพนักงาน 3,600 คนทั่วโลก เน้นจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ

Meta ปลดพนักงาน 3,600 คนทั่วโลก เน้นจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรต่อเนื่องจากปี 2022 ล่าสุดประกาศลดพนักงาน 5% ทั่วโลก มุ่งคัดกรองผู้ที่ผลงานไม่ถึงเป้า เตรียมนำงบประมาณไปจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เมตา (Meta) บริษัทเทคโนโลยีเจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ WhatsApp ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยมีการปลดพนักงานกว่า 3,600 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมด การปลดคนครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าแข่งขันในสนามปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างเต็มกำลัง

เมตากับแนวทางคัดสรร ‘คนเก่งที่สุด’

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้บริหารสูงสุดของเมตาแจ้งข่าวนี้ผ่านอีเมลถึงพนักงานที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเผยว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มพนักงานที่ “ไม่สามารถทำงานได้ตามความคาดหวัง” และใช้ทรัพยากรที่ได้มาเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอระดับแนวหน้า

การปรับโครงสร้างครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการแจ้งพนักงานในสหรัฐอเมริกาก่อน โดยบริษัทได้จัดเตรียมชุดค่าชดเชยที่ครอบคลุม ประกอบด้วยเงินเดือน 16 สัปดาห์ พร้อมเงินชดเชยพิเศษอีก 2 สัปดาห์ต่อปีของการทำงาน นอกจากนี้ พนักงานที่มีผลงานอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับโบนัสจะยังคงได้รับสิทธินี้ รวมถึงหุ้นของบริษัทตามรอบการจ่ายในเดือนนี้ด้วย

สำหรับพนักงานในต่างประเทศ บริษัทวางแผนที่จะทยอยแจ้งในภายหลัง แม้ว่าจะยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน การปรับโครงสร้างครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเอไอจะช่วยให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การลดงานที่ซ้ำซาก และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความกังวลในหมู่พนักงานว่าเทคโนโลยีนี้อาจเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ได้

ผลสำรวจจาก CNBC Survey Monkey พบว่า 60% ของพนักงานที่ใช้เอไอในการทำงานเป็นประจำรู้สึกกังวลว่าเอไออาจจะมาแทนที่งานของพวกเขาในอนาคต ขณะที่ 72% ยอมรับว่าเอไอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ขณะที่ Goldman Sachs เคยประเมินว่า เอไออาจส่งผลกระทบต่อแรงงานมากถึง 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว คล้ายกับยุคที่คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คน

 

อ้างอิง: Forbes และ Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์