เปิดวิสัยทัศน์ ‘รัตนพล วงศ์นภาจันทร์’ กับการสร้างอธิปไตยเอไอไทย ผ่าน SiamGPT

คุยกับ ‘รัตนพล วงศ์นภาจันทร์’ ผู้บริหารสยามเอไอ เผยความตั้งใจปั้นเอไอสัญชาติไทย หลังคว้าสิทธิ Blackwell จากอินวิเดีย พร้อมพัฒนา SiamGPT แชตบอตอัจฉริยะ มุ่งสร้างอธิปไตยด้านเอไอของประเทศ
“เวลาผมเห็นคนที่เขาประสบความสำเร็จอย่าง เจนเซน หวง เขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผม ผมเรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่น Mission ในชีวิตของผมก็คือ การทำให้คนไทยมีเทคโนโลยีใช้เป็นของตนเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงตั้งชื่อบริษัทว่า สยามเอไอ”
รัตนพล วงศ์นภาจันทร์ หรือ ซัน ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยามเอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจในวันนัดหมายสัมภาษณ์ เขายังเชื่ออีกว่า ไทยมีโอกาสที่จะสามารถเป็นผู้เล่นรายใหญ่ (Leading player) ในด้านอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ได้
ด้วยจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการหล่อเลี้ยงดาต้าเซนเตอร์อันเป็นฟันเฟืองหลักของการพัฒนาเอไอ สิ่งสำคัญที่ไทยต้องมุ่งเน้นต่อไปคือ การสร้างอธิปไตยด้านเอไอของตนเอง
‘แบล็คเวลล์’ ก้าวกระโดดของวงการเอไอไทย
เดือนกันยายน 2567 สยามเอไอได้กลายเป็น NVIDIA Cloud Partner รายแรกของประเทศไทย พร้อมได้รับการจัดสรร Blackwell โดยเป็นหนึ่งในสามประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับแพลตฟอร์มสำหรับการผลิตชิปประมวลผลกราฟิก (GPU) ดังกล่าว ซึ่งมีเพียง 10 รายทั่วโลกเป็นผู้ได้รับเท่านั้น และก็เป็นบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น Google, Meta, Microsoft, Oracle และ Amazon Web Service นี่อาจเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของไทยสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ
“การที่สยามเอไอได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามประเทศในภูมิภาคที่ได้รับการจัดสรร Blackwell นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดต้นทุนในการฝึกฝนโมเดลเอไอได้ถึง 4-5 เท่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการพัฒนานวัตกรรมในประเทศ”
รัตนพล อธิบายว่า Blackwell จะช่วยยกระดับการพัฒนาเอไอในหลายภาคส่วน เช่น การแพทย์ การค้นหายา ภาคธนาคาร การพัฒนาแชตบอตเอไอ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนเรื่องการศึกษา
“Blackwell ช่วยให้คอมพิวเตอร์สอนเอไอให้ฉลาดขึ้นได้เร็วกว่าเดิม และช่วยให้เอไอทำงานหรือตอบคำถามได้รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น โดยเฉพาะเอไอที่ซับซ้อนมาก มันสามารถร่นระยะเวลาในการสอนโมเดลเอไอจากเป็นรายปี รายเดือน ลดลงเหลือแค่รายวัน รายชั่วโมง”
อธิปไตยด้านเอไอนำมาสู่ ‘สยามจีพีที’
สยามเอไอยังได้พัฒนา “Siam GPT” ซึ่งเป็นแชตบอตที่มีความสามารถสูงในการประมวลผล และเรียนรู้จากข้อมูล โดยสยามจีพีทีจะถูกออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานในประเทศไทย ทั้งในด้านการแพทย์ การศึกษา และธุรกิจ
“เราวางแผนเปิดตัวสยามจีพีทีภายในปี 2568 นี้ โดยใช้แพลตฟอร์ม Blackwell เป็นพื้นฐานในการฝึกอบรม” รัตนพล กล่าว ซึ่งเขาก็ได้เชื่อมโยงถึง อธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ (Sovereign AI) ที่ไม่ใช่เรื่องของการตามทันโลก แต่คือ การสร้างพื้นที่ ที่คนไทยได้เป็นเจ้าของความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
ต่อไป สยามจีพีทีไม่เพียงแต่จะเข้าใจภาษาไทยเท่านั้น แต่จะถูกพัฒนาให้ครอบคลุมถึง ภาษาถิ่น ไม่ว่าจะเป็นภาษาอีสาน เหนือ หรือใต้ นอกจากนี้ สยามเอไอได้ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่าง วิปโพร (Wipro) นำร่องการพัฒนาแชตบอตท่องเที่ยวที่มีชื่อว่า “สุขใจ” ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยวางแผนท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยสามารถแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางการเดินทาง ในบริบทของไทยได้
เมื่อกรุงเทพธุรกิจ ตั้งคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางภายในกรุงเทพฯด้วยรถไฟฟ้า รัตนพล เผยว่า นี่คือ หนึ่งในเป้าหมายที่อยากพัฒนาต่อยอด “เราตั้งใจจะพัฒนาให้ครอบคลุมถึงจุดนั้น เช่น หากผู้ใช้ต้องการเดินทางไปเซ็นทรัลชิดลม แชตบอตจะสามารถระบุได้ทันทีว่าควรใช้ทางออกไหน”
“แชตบอตที่ออกแบบไม่ใช่แค่ตอบคำถามทั่วไป แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางหรือการวางแผนท่องเที่ยว ซึ่งเอไอจากต่างประเทศไม่มีข้อมูลเชิงลึกแบบนี้ เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นของคนไทย และคนไทยเท่านั้นที่เข้าใจมันได้ดีที่สุด”
บทเรียนจากเวียดนาม
ในขณะที่เวียดนามได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ของอินวิเดีย รัตนพลมองว่านี่เป็นบทเรียนสำคัญที่ประเทศไทยควรเรียนรู้ เนื่องจากความสำเร็จของเวียดนามเกิดจากการวางแผน และพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหลายปี
“เราเห็นข่าวว่าอินวิเดียไปลงทุนในเวียดนาม ผมก็อยากจะอธิบายว่า เจนเซน หวง เขาเคยไปถามกับทางรัฐบาลเวียดนามว่าคุณมีความเชี่ยวชาญด้านไหนกับอุตสาหกรรมเอไอ ซึ่งเมื่อเขาตอบได้ว่าเขาเชี่ยวชาญด้านไหน ปีถัดมาอินวิเดียจึงไปลงทุนในประเทศ
ในงาน AI Vision for Thailand เจนเซนก็ได้ตั้งคำถามเดียวกันนี้กับผมเช่นกันว่า ประเทศไทยมีความเชี่ยวชาญด้านอะไร ให้เราไปคิด นี่คือ จุดสำคัญที่เราต้องพิจารณา เพราะหากไทยยังไม่มีอธิปไตยทางเอไอเป็นของตนเอง เราอาจไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจน จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้ และพัฒนาจุดแข็งของประเทศไทยให้โดดเด่น”
รัตนพล กล่าวย้ำว่า “การพัฒนาเทคโนโลยีเอไอไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของการยกระดับประเทศ” เขามองว่าการมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างงาน และพัฒนาบุคลากรด้านเอไอของไทย
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งสำคัญของประเทศไทย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์