ลุ้นชม 'ดาวหาง' ดวงใหม่ C/2023 A3 ด้วยตาเปล่ากลางปีหน้า

ลุ้นชม 'ดาวหาง' ดวงใหม่ C/2023 A3 ด้วยตาเปล่ากลางปีหน้า

NARIT เผยลุ้นชม "ดาวหาง" ที่ค้นพบใหม่ C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) กำลังโคจรมุ่งหน้าเข้าใกล้ดวงอาทิตย์อีกครั้งในรอบเกือบ 81,000 ปี และอาจปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่วงเดือนกันยายน 2024

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (Nation Astronomical Research Institute of Thailand) หรือ NARIT โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ที่เรียบเรียงโดย พิสิฏฐ นิธิยานันท์ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สดร.ระบุว่า ลุ้นชม "ดาวหาง" ดวงใหม่ด้วยตาเปล่ากลางปีหน้า !

ดาวหาง ที่ค้นพบใหม่ C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) กำลังโคจรมุ่งหน้าเข้าใกล้ดวงอาทิตย์อีกครั้งในรอบเกือบ 81,000 ปี และอาจปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่วงเดือนกันยายน ค.ศ. 2024

ดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส มีชื่อทางการคือ C/2023 A3 (Tsuchinshan-ATLAS) ค้นพบโดยระบบเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ ATLAS (Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System) ในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 แต่ต่อมาพบว่านักดาราศาสตร์จากหอดูดาวจื่อจินซาน ในประเทศจีน ได้ค้นพบดาวหางดวงนี้ก่อนหน้านั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ดังนั้น ชื่อของหอดูดาวทั้งสองฝั่งจึงกลายเป็นชื่อของ "ดาวหาง"

ในปัจจุบันนี้ ดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส กำลังอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์ โดยจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2024 ในระยะห่างราว 58.6 ล้านกิโลเมตร (ประมาณระยะห่างจากดวงอาทิตย์ถึงดาวพุธ) ก่อนเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2024 ที่ระยะห่าง 70.6 ล้านกิโลเมตร โดยนักดาราศาสตร์คำนวณพบว่าดาวหางดวงนี้โคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบใช้เวลา 80,660 ปี

ทั้งนี้ การที่เราจะเห็น "ดาวหาง" ดวงนี้ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของตัวดาวหางเอง แม้ว่านิวเคลียสของดาวหางในปัจจุบันจะมีสภาพเป็น "วัตถุก้อนเดี่ยว" ที่เป็นการเกาะกลุ่มกันหลวม ๆ ของน้ำแข็ง หิน และฝุ่น ซึ่งนิวเคลียสของดาวหางหลายดวงเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์จนอุ่นขึ้นมากและจะแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น กรณีดาวหางไอซอน ในปลายปี ค.ศ. 2013 จึงทำให้ดาวหางไม่ได้มีความสว่างอย่างที่คาดการณ์ไว้

แต่หาก ดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส ไม่แตกตัวทั้งในช่วงก่อนและหลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ อาจจะสามารถเห็นได้ผ่านกล้องโทรทรรศน์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024 เป็นต้นไป โดยจากข้อมูลเท่าที่มีในปัจจุบัน นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าดาวหางดวงนี้จะสว่างกว่าดาวหาง C/2022 E3 (ZTF) ที่โคจรเข้ามายังระบบสุริยะชั้นในเมื่อเดือนมกราคมปี 2023 ที่ผ่านมา

ขณะที่ดาวหาง ZTF มีความสว่างสูงสุดที่แมกนิจูดปรากฏ +4.6 (สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งและมืดสนิท) แต่การคาดการณ์ค่าแมกนิจูดปรากฏในช่วงที่ดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัสสว่างที่สุดยังไม่แน่นอนนัก มีตั้งแต่ประมาณ +0.7 ไปจนถึง -3.5 ซึ่งสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี และอาจมองเห็นได้ตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท (“ค่าแมกนิจูดปรากฏ” ของวัตถุท้องฟ้า ยิ่งค่าน้อยแสดงว่าวัตถุนั้นยิ่งสว่าง)

นอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ที่ทราบการค้นพบดาวหางดวงนี้ ได้กลับไปตรวจค้นฐานข้อมูลภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืนก่อนหน้า จนพบว่าดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส เคยปรากฏในภาพถ่ายจากกล้องถ่ายภาพมุมกว้างที่ต่อกับกล้องโทรทรรศน์ของหอดูดาวปาโลมาร์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2022

อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์ยังขาดข้อมูลของดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัสอีกมาก เช่น ขนาดของนิวเคลียสดาวหาง ซึ่งจะช่วยบอกได้ว่าดาวหางจะมีโอกาสรอดจากการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการประมาณความสว่างของดาวหางที่ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น

อ้างอิง :
[1] space.com 
[2] astro.vanbuitenen.nl