มองเกมดุ!! เมื่อ 'Shopee' ปรับใหญ่ เพื่อ ‘ไปต่อ’ - 'Lazada' ลุยสร้าง 'กำไร'

มองเกมดุ!! เมื่อ 'Shopee' ปรับใหญ่ เพื่อ ‘ไปต่อ’  -  'Lazada' ลุยสร้าง 'กำไร'

‘สมรภูมิอีคอมเมิร์ซ’ เดือดพล่าน หมดยุคเผาเงิน ช้อปปี้ ลุกขึ้น 'ปรับใหญ่' เพื่อ ‘ไปต่อ’ และ 'ลาซาด้า' เร่งแผนสร้าง 'กำไร' เดิมพัน 'รายได้ ผลกำไร ขาดทุน'

‘ช้อปปี้’ ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รีดไขมันองค์กร หั่นพนักงานในไทยลง ยันไม่กระทบการดำเนินงานของบริษัท ยังวาง “ไทย” เป็นตลาดยุทธศาสตร์หลักขับเคลื่อนการเติบโต ยอมรับรับตลาดแข่งขันดุ เศรษฐกิจผันผวน ปรับครั้งนี้เป็นทั้งภูมิภาคสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง นักวิเคราะห์ ชี้หมดยุค เผาเงิน เร่งลดรายจ่าย ได้เวลากอบ ‘กำไร’

แหล่งข่าวภายใน บริษัทช้อปปี้ ประเทศไทย ในเครือบริษัท Sea Group เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ช้อปปี้ กำลังมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ทั่วภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์หลัก ที่จะปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว และสามารถสร้างการเติบโตระยะยาวได้ด้วยตัวเอง โดยจะปรับลดพนักงานในไทยลงในจำนวนเปอร์เซ็นต์เป็นตัวเลขหลักเดียว ยืนยันว่า การปรับลดพนักงานครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโดยภาพรวมของบริษัท

“ภายในบริษัทได้มีการทาวน์ฮอลล์ พนักงานรวม ชี้แจงถึงการปรับแผนดำเนินงานของช้อปปี้ ซึ่งจะมีผลกระทบกับพนักงานบางส่วน ซึ่งรวมถึงพนักงานในไทย โดยในไทย จะมีการปรับลดพนักงานลงคิดเป็นเปอรเซ็นต์ ตัวเลขหลักเดียว ซึ่งผู้บริหารให้เหตุผลว่า เป็นการปรับขนาดทีมลง และอยู่ในแผนงานของช้อปปี้ในภูมิภาคนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการปรับลดพนักงานที่อินโดนีเซียลง การปรับครั้งนี้ เพื่อให้ช้อปปี้ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และไปต่อได้”

แหล่งข่าว กล่าวยอมรับว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการแข่งขันกันดุเดือด การปรับทีมให้มีความคล่องตัว จึงเป็นเรื่องจำเป็น ครั้งนี้เป็นการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ความสำคัญกับการทำกำไรในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ช้อปปี้ไปอยู่ในจุดที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้

ปรับเพื่อสร้างให้ระบบนิเวศแข็งแกร่ง

ช้อปปี้ต้องปรับรูปแบบ รัดแข็มขัด ต้อง self sufficient ให้ได้ เป็นการปรับรูปแบบโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพให้มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่งในระยะยาว แต่ยืนยันว่า การดำเนินงานหลัก จะไม่รับผลกระทบ และประเทศไทย ยังคงเป็นตลาดยุทธศาสตร์หลักของช้อปปี้ และจะไม่ยุบหน่วยงาน หรือบริการใดๆ ลง เพราะมั่นใจว่า ธุรกิจของช้อปปี้ ยังไปได้ต่ออย่างมั่นคง และยั่งยืน การปรับครั้งนี้ เพื่อเป็นการวางแผนการเติบโตในระยะยาว” แหล่งข่าว กล่าว

ขณะที่ ข้อมูลใน creden data ระบุว่า ช้อปปี้ ประเทศไทย มีรายได้รวม ปี 2564 ที่ 13,322,184,294 บาท เติบโตปีต่อปีที่ 129.19% มีตัวเลขขาดทุนราว 4,972,561,566 บาท

ก่อนหน้านี้ “ฟอเรสต์ ลี” ซีอีโอ ของ Sea Group ส่งเมมโมถึงพนักงานทั้งหมดของบริษัท โดยระบุ ถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการปรับลดพนักงานลง เพื่อผลการดำเนินงานในระยะยาว และปรับกระแสเงินสดให้เป็นบวก โดยการดำเนินการอย่างรอบคอบ และการทำงานหนักมาหลายปี ทำให้ Sea Group มีฐานเงินสดที่มั่นคง และอยู่ในสถานะที่ปลอดภัยกว่าบริษัทอื่นๆ ในภาคเทคโนโลยี ซึ่งการปรับลดพนักงานครั้งนี้ นับเป็นการลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัว และหันไปมุ่งเน้นที่ความสามารถในการทำกำไร เพื่อสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว

นักวิเคราะห์มองตลาดเริ่มแข่งทำกำไร

ด้านนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กูรูด้านอีคอมเมิร์ซ ผู้ก่อตั้ง ตลาดดอทคอม และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์โซลูชั่น กล่าวว่า อีคอมเมิร์ซในกลุ่มอี-มาร์เก็ตเพลส ประเทศไทย กำลังเปลี่ยนผ่านจาก ช่วงการใช้เงินลงทุนมหาศาลในการ “สร้างตลาด” ผ่านการทำโฆษณา โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ส่งฟรี เข้าสู่ ช่วง “การทำกำไร” แล้ว

"ผมมองว่า เพราะตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทย ทั้งฝั่ง “ผู้ค้า (Seller)” และ “ผู้ซื้อ (Buyer)” เริ่มเข้าใจการซื้อ-ขายผ่านอีคอมเมิร์ซ เต็มรูปแบบแล้ว ทำให้ มาร์เก็ตเพลส ไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินลงไปอัดกระตุ้นตลาดจำนวนมากอีกต่อไป"

เขา ยกตัวอย่าง ลาซาด้า ประเทศไทย ที่มีงบการเงินปี 2564-2565 ออกมาล่าสุด แสดงถึงกำไรที่บริษัทสร้างได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีรายได้ 20,675 ล้านบาท และกำไร 413 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ ลาซาด้า เอ็กซ์เพรส จำกัด ทำรายได้ 16,060 ล้านบาท และกำไรสูงถึง 2,700 บาท

"สรุปง่ายๆ คือ ลาซาด้า เริ่มเข้าสู่โหมดการทำกำไรของธุรกิจแล้ว ลดการใช้จ่ายลง ในขณะที่คู่แข่ง ช้อปปี้ ก็เริ่มลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงอย่างมากในช่วงนี้"

ทั้งนี้  ลาซาด้า ยังได้ปรับเพิ่มค่าบริการในการขายผ่าน มาร์เก็ตเพลส จากเดิม 1% เป็น 2% ซึ่งเป็นอีกสัญญานที่ชัดว่า ลาซาด้า มุ่งสู่การทำกำไรเต็มที่