5 อันดับ เทรนด์ “เทคโนโลยีความงาม” ที่น่าจับตามอง

5 อันดับ เทรนด์ “เทคโนโลยีความงาม” ที่น่าจับตามอง

บอร์ดบริหาร Perfect Corp. จากนิวยอร์ก เปิดเผยแนวโน้มของ “เทคโนโลยีความงาม” ที่กำลังน่าจับตามอง ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเสมือน (AR) มาใช้เป็นโซลูชั่นเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ

งานฟอรัม Global Beauty and Fashion Tech ของ Perfect Corp. ในกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมเหล่าผู้บริหารด้านอุตสาหกรรมความงาม ด้านเทคโนโลยี และสื่อมวลชน เพื่อนำเสนอ พูดคุย หารือเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มาเขย่าฐานความงามเดิม และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการความงามครั้งใหม่ 

ภายในงานได้มีการสำรวจการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีด้านความงามที่สร้างผลกระทบและได้เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้บริโภคสายบิวตี้และแฟชั่นในยุคดิจิทัล Web 3.0 นั่นก็คือ การเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเสมือน (AR) ทำให้มองเห็นและสามารถคาดการณ์ได้ว่าสิ่งไหนบ้างที่จะเป็นเทรนด์ที่โดดเด่นใหม่ ๆ ของเทคโนโลยีความงามที่ทั้งโลกต้องจับตามอง

5 อันดับ เทรนด์ “เทคโนโลยีความงาม” ที่น่าจับตามอง

Cr. ​​DressX

อลิซ ชาง (Alice Chang) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Perfect Corp. กล่าวว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ AI และ AR ได้เข้ามามีบทบาทกับทุกภาคส่วน หนึ่งในนั้นคือ “เทคโนโลยีความงาม” จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ บริษัทแบรนด์เครื่องสำอางค์ได้มีการนำเทคโนโลยี AR มาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ด้านการช็อปปิ้งให้กับลูกค้า ไปพร้อมกับการเพิ่มยอดขาย ตลอดจนส่งผลให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์

ยกตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ทดสอบสีของลิปสติกแบรนด์ Maybelline, NYX และ Lorealparis ที่ทำให้การซื้อลิปสติกเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับลูกค้าไม่ต้องเดินไปซื้อถึงแผนก 

นอกจากนี้ก็มีการนำเทคโนโลยี Agile Hand ซึ่งใช้ PBR (Physical Based Rendering) ขั้นสูง เพื่อทดลองใช้งานเสมือนจริงกับแบรนด์แฟชั่น เช่น การทดสอบนาฬิกา สร้อย แหวน และสีเล็บผ่านแอปพลิเคชั่น จำลองให้ผู้ใช้เห็นภาพ 3D ขณะที่มองหน้าจอก่อนจะตัดสินใจซื้อ 

5 อันดับ เทรนด์ “เทคโนโลยีความงาม” ที่น่าจับตามอง

Cr. designhubz

อลิซ ชาง และทีมผู้บริหารคาดการณ์ว่าในอนาคตคงจะมีหลาย ๆ แบรนด์ที่นำฟีเจอร์ AR เหล่านี้มาใช้ให้เกิดความสมจริงและเสถียรยิ่งขึ้น วันนี้ทางกรุงเทพธุรกิจจึงหยิบยก 5 อันดับ ที่จะเป็นแนวโน้มของ “เทคโนโลยีความงามในอนาคต” ไว้ดังนี้

  1. AI และ AR จะเข้ามาเพิ่มความสนุกให้กับการซื้อสินค้าออนไลน์ ผ่านร้านค้าหรือผ่านโซเชียลมีเดีย แบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สนุกสนาน ทำให้ผู้บริโภคเพลิดเพลินไปกับการซื้อของโดยที่มี AI ตอบโต้ และมี AR เป็นลูกเล่นใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น
  2. AI และ AR จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแบบ “เฉพาะบุคคล” หรือ ตอบสนอง Personalization ของลูกค้าแบบส่วนตัว โดยจะไม่เหมารวม แต่เน้นการให้คำแนะนำรายบุคคลมากยิ่งขึ้น เช่น การออกหรือแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน และคอยติดตามผลลัพธ์ของผิวว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง มีการเปรียบเทียบก่อน-หลังการใช้ 
  3. AI และ AR เป็นโซลูชั่นเพื่อความยั่งยืน เทคโนโลยี AR ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ ลดความยุ่งยากของการเลือกผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ซึ่งจะทำให้แบรนด์ลด “ผลิตภัฑณ์ทดลอง” หรือ “สินค้าทดลอง” ตลอดจน “ช่วยลดความจำเป็นในการสุ่มตัวอย่างผลิตภัณฑ์” ส่งผลให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  4. AI และ AR จะขยายเข้าสู่หมวดหมู่ใหม่ ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ กล่าวคือ ในตอนแรกเป็นโซลูชั่นให้กับหมวดความงาม (Beauty) ก็จะขยายผลไปสู่หมวดเสื้อผ้า (Fashion) และ หมวดเครื่องประดับ (Jewelry) เช่น ต่างหู สร้อยข้อมือ แหวน และนาฬิกา ตลอดจนแว่นตา 
  5. AI และ AR ตอบโจทย์กลยุทธ์ Omni-channel ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง และเชื่อมโยงช่องทางต่าง ๆ รวมให้เป็นหนึ่งเดียว ทำให้เพิ่มอัตราการซื้อขายที่มากขึ้น 

“เทคโนโลยี AI และ AR ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภคทั้งทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ช ตลอดจนในโลกดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่อย่างเมตาเวิร์ส (Metaverse) หลังจากนี้ อุตสาหกรรมความงามจะมุ่งสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สนุกสนาน สะดวก ตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย AI และ AR มากยิ่งขึ้น” อลิซ ชาง กล่าว 

ที่มา: beautypackaging.com