Google สะเทือนแค่ไหน? เมื่อคนรุ่นใหม่ หาข้อมูลผ่าน “TikTok“ และ “IG“ มากขึ้น

Google สะเทือนแค่ไหน? เมื่อคนรุ่นใหม่ หาข้อมูลผ่าน “TikTok“ และ “IG“ มากขึ้น

“Google” อาจต้องร้อนๆ หนาวๆ ส่วนเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และนักการตลาดก็ต้องรีบอัปเดตด่วน! หลังพบข้อมูลว่าชาว “เจน Z” เกือบ 40% นิยมใช้ “ติ๊กต็อก” (TikTok) และ “อินสตาแกรม” (Instagram) ในการค้นหามากกว่าที่จะใช้เครื่องมือค้นหาข้อมูลที่ยืนยงมาหลายทศวรรษ อย่างกูเกิล

ข้อมูลล่าสุดโดยสื่อออนไลน์ TechCrunch ระบุว่า จากข้อมูลการสำรวจที่ยังไม่ได้เปิดเผยของ “กูเกิล” เว็บไซต์ค้นหาข้อมูล หรือ “เสิร์ชเอนจิน” อันดับหนึ่งของโลก พบว่า กลุ่มคนวัย “เจน Z” นิยมค้นหาข้อมูลจากแอปพลิเคชัน TikTok (ติ๊กต็อก) โซเชียลมีเดียสุดฮิตจากจีน และ IG หรือ อินสตาแกรม โซเชียลมีเดียสำหรับอัปโหลดรูปภาพและวิดีโอ มากกว่าใช้ Google Search และ Google Maps ในการหาข้อมูล

หากย้อนกลับไป การมาถึงของ “TikTok” เรียกได้ว่า สะเทือนวงการโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นแอปพลิเคชันสำหรับอัปโหลดคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่ได้รับความนิยมสุดๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนทำให้โซเชียลมีเดียอื่น ๆ ออกฟีเจอร์ที่คล้ายกันออกมา ไม่ว่าจะเป็น Reels ของ อินสตาแกรม, Spotlight ของ สแนปแชท (Snapchat) และ Shorts ของ ยูทูบ (YouTube)

และล่าสุด TikTok ก็กำลังทำให้วงการเสิร์ชเอนจินระส่ำ เนื่องจากกลุ่มเจน Z เลือกที่จะหาข้อมูลผ่านติ๊กต็อกแทน ทำให้กูเกิลต้องหาทางแก้เกม และไล่ตามให้ทัน

เทรนด์นี้ไม่ต้องรอให้ใครมาพูด เพราะ พราบาคาร์ แรกฮาแวน รองประธานอาวุโสของกูเกิล เป็นผู้เปิดเผยด้วยตัวเองระหว่างร่วมงานประชุม Fortune Brainstorm Tech เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 

"คนหนุ่มสาวเกือบ 40% กำลังมองหาสถานที่เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน พวกเขาจะค้นหาร้านอาหารจาก Google Maps หรือ Google Search แต่พวกเขาไปที่ ติ๊กต็อก หรือ อินสตาแกรม แทน" แรกฮาแวน กล่าวบนเวที

ขณะเดียวกัน “กูเกิล” ก็ได้ยืนยันข้อมูลดังกล่าวกับสำนักข่าว Insider ว่า "ตอนนี้เราเผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรง จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเครื่องมือค้นหาทั่วไปและแบบเฉพาะเจาะจง ตลอดจนแอปพลิเคชันนำทางต่าง ๆ"

ข้อมูลดังกล่าวมาจากการทำการสำรวจภายในของกูเกิลกับกลุ่มผู้ใช้งานในสหรัฐที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี ซึ่งข้อมูลนี้ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน

แม้ว่าผู้ใช้งานกลุ่มอายุอื่นจะยังคงใช้กูเกิลเป็นหลัก แต่กูเกิลจะไม่ได้ข้อมูลจากคนวัยเจน Z ทั้งการรีวิว หรือการแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ตลอดจนการซื้อโฆษณาจากสินค้าที่เป้าหมายเป็นคนกลุ่มนี้อีกด้วย

แรกฮาแวนอธิบายเพิ่มเติมว่า กูเกิลเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องมือดั้งเดิม เช่น Google Maps เป็นการยกแผนที่แบบกระดาษเอาไปใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน คนวัยก่อนเจน Z สามารถเข้าใจและใช้งานได้ แต่เด็กรุ่นใหม่เกิดมารู้จักสมาร์ทโฟนเลย ไม่เคยใช้สิ่งเหล่านั้น ทำให้มีความคาดหวังในการใช้งานแตกต่างออกไป 

กลุ่มเจน Z คาดหวังและสนใจผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ สามารถมองเห็นสิ่งที่ต้องการได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไปค้นหาข้อมูลจาก TikTok ที่เป็นวิดีโอ มากกว่าการค้นหาในกูเกิลที่เป็นข้อความ โดยไม่ได้สนใจว่ารูปแบบการค้นหาเป็นอย่างไร ซึ่งในระยะหลังกลุ่มเจน Z ไม่ได้ค้นหาแค่ร้านอาหารเท่านั้น แต่เริ่มหาข้อมูลด้านอื่นอีกด้วย

เมื่อกลุ่มเจน Z ได้ร้านอาหารจากแอปพลิเคชันรูปภาพและวิดีโอ พวกเขาจะเปิดหาแอปพลิเคชันนำทางอื่น ๆ เพื่อหาเส้นทางที่ไปถึงจุดหมายได้รวดเร็วที่สุด ซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Google Maps อีกต่อไป

นอกจากนี้ แรกฮาเวนยังกล่าวอีกว่า “เรากำลังเรียนรู้ความต้องการของและทัศนคติของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่พวกเราคุ้นเคย และตั้งคำถามแตกต่างออกไป รวมถึงผู้ใช้เหล่านี้ไม่อยากที่จะพิมพ์คำค้นหา (keywords) ด้วยซ้ำ แต่ต้องการค้นหาเนื้อหาด้วยวิธีใหม่ ๆ ที่สะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น

ทำให้กูเกิลต้องพัฒนาเครื่องมือค้นหารูปแบบใหม่ รวมถึงให้ผู้ใช้สามารถแพนกล้องเก็บภาพกว้างและสามารถรวบรวมข้อมูลของวัตถุหลายชิ้นในพื้นที่กว้างขึ้น และใช้เสียงในการค้นหาข้อมูล เพื่อดึงดูดกลุ่มเจน Z ให้กลับมาใช้งาน  

รวมถึงพยายามรวมรูปภาพและข้อความเข้าด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา โดยในอนาคตผู้ใช้งานอาจจะสามารถใช้สมาร์ทโฟนหรือแว่นตา AR ในการค้นหาข้อมูลได้ทันที

อีกทั้ง ในปีที่ผ่านมากูเกิลได้พยายามปรับอัลกอริธึมและทำข้อตกลงกับติ๊กต็อก เพื่ออนุญาตให้กูเกิลนำวิดีโอบนติ๊กต็อกขึ้นมาในหน้าแสดงผลลัพธ์ได้ เช่น หากพิมพ์หาคำว่า “music videos tiktok” วิดีโอจากติ๊กต็อกก็จะขึ้นมาอยู่เป็นอันดับแรกของหน้าเว็บไซต์

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Insider ได้คาดว่าติ๊กต็อกจะทำรายได้จากโฆษณาแซงหน้ายูทูบ ซึ่งมีบริษัทแม่เดียวกันกับกูเกิล ภายในปี 2567


ที่มา: Fortune, Insider, Peta Pixel, Techcrunch