เทคโนโลยีวิชั่น ‘เอคเซนเชอร์’ 4 เทรนด์เขย่าโลกธุรกิจ 2565

เทคโนโลยีวิชั่น ‘เอคเซนเชอร์’ 4 เทรนด์เขย่าโลกธุรกิจ 2565

สิ่งที่เคยออกแบบมาสำหรับธุรกิจ เช่น เทคโนโลยี extended reality บล็อกเชน ดิจิทัลทวิน และเอดจ์คอมพิวติ้ง ต่างกำลังปรับตัวเข้ามาประสานกันหมด และจะพลิกประสบการณ์ของมนุษย์ในรูปแบบใหม่

รายงานทิศทางเทคโนโลยีโลก “Accenture Technology Vision 2022” โดย “เอคเซนเชอร์” เผยว่า ธุรกิจต่างแข่งขันกันเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่แตกต่างไปจากเดิม

ปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า กำลังจะได้เห็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดคลื่นลูกใหม่แห่งการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล หรือ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นที่ไปได้ไกลกว่าในปัจจุบัน

ตลอดจนเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของพวกเราไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งมุมมองที่มีต่อเมตาเวิร์สกำลังท้าทายกับแนวคิดเดิมๆ และเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าเหตุใดองค์กรจึงต้องลงมือทำในวันนี้ หรือต้องปรับตัวให้ทำงานได้ในโลกที่ออกแบบใหม่นี้

จุดเปลี่ยนบน ‘เมตาเวิร์ส’

จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารด้านธุรกิจและเทคโนโลยีกว่า 4,600 คนจาก 23 อุตสาหกรรม ใน 35 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารทั่วโลก 71% มองว่าเมตาเวิร์สจะส่งผลในเชิงบวกต่อองค์กร และ 42% เชื่อว่า เมตาเวิร์สจะมีบทบาทต่อความความก้าวหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่

สำหรับผู้บริหารไทย 72% มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเมตาเวิร์สจะส่งผลในเชิงบวกต่อองค์กร แต่มีเพียง 26% เท่านั้นที่เชื่อว่าเมตาเวิร์สจะมีบทบาทต่อความก้าวหน้าหรือ การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ 

"เมื่อเส้นแบ่งระหว่างชีวิตทางกายภาพและดิจิทัลของคนเราเลือนรางมากขึ้น องค์กรก็มีทั้งโอกาสและหน้าที่ในการสร้างเมตาเวิร์สอย่างรับผิดชอบไปพร้อมๆ กัน”

ทั้งนี้รวมถึงประเด็นความเชื่อมั่น ความยั่งยืน ความปลอดภัยส่วนบุคคล ความเป็นส่วนตัว การเข้าถึงและใช้งานอย่างรับผิดชอบ และ ความหลากหลาย ซึ่งการลงมือทำและการเลือกขององค์กรในวันนี้ จะเป็นการปูทางไปสู่อนาคต

เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้บริหารในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องไปกับผลสำรวจจากผู้บริหารทั่วโลก ทว่าก็มีความแตกต่างอยู่บ้างในประเด็นความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งอาจมีผลต่อการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้กับธุรกิจขององค์กร

จับตา 4 เทรนด์ทรงอิทธิพล

เอคเซนเชอร์ เผยถึง 4 แนวโน้มสำคัญที่องค์กรธุรกิจควรตระหนัก ประกอบด้วย โลกเมตาเวิร์ส (WebMe: Putting the Me in Metaverse) : เมตาเวิร์ส และ Web3 จะเข้ามามีบทบาทในการกำหนดทิศทางของอินเทอร์เน็ตใหม่ นำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมแบบ 3 มิติ ทำให้การย้ายจาก “ที่หนึ่ง” ไปยังอีก “ที่หนึ่ง” ทำได้ง่ายเหมือนเดินออกจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง

โดย 95% ของผู้บริหารเชื่อว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลในอนาคตควรนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นเอกภาพที่สามารถทำให้ข้อมูลของลูกค้าในแพลตฟอร์มและพื้นที่ต่างๆ ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ

โลกที่กำหนดและปรับแต่งได้ (Programmable World: Our Planet, Personalized) : เมื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง 5จี, ambient computing, เออาร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ มีความสามารถที่ ล้ำหน้ามากขึ้น สภาพแวดล้อมทางดิจิทัลจะเชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างของโลกทางกายภาพ 92% ของผู้บริหารเห็นด้วยว่า องค์กรชั้นนำจะมีบทบาทขับเคลื่อนให้ขอบเขตของโลกเสมือนเข้ามาใกล้ความจริงมากขึ้น

โลกที่ไม่แท้จริง (The Unreal: Making Synthetic, Authentic) : ธุรกิจและสภาพแวดล้อมต่างๆ จะทำงานด้วยข้อมูลจาก เอไอมากขึ้น จากนี้เอไอจะมีความสำคัญต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา และเมื่อโลกไม่แท้จริงกลายมาเป็นโลกจริงจึงถึงเวลาที่ธุรกิจต่างๆ ต้องเตรียมธุรกิจของตนให้พร้อม ซึ่ง 96% ของผู้บริหารระบุว่า องค์กรของตนมุ่งมั่นในการพิสูจน์ต้นทางข้อมูลและการใช้เอไอให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง

ประมวลผลได้แม้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (Computing the Impossible : New Machines, New Possibilities) ความก้าวหน้าของอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถขยายขีดจำกัดของสิ่งที่คอมพิวเตอร์เคยแก้ปัญหาได้ “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่” ลดระดับกลายเป็นกระบวนการทำงานที่เล็กลง

เช่น เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง และการประมวลผลจากข้อมูลชีวภาพ (biology-inspired computing) ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแก้ปัญหาจากเดิมที่หากใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบเก่า อาจจะมีราคาแพงเกินไป ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นไปไม่ได้เลย

ผู้บริหารกว่า 94% เห็นด้วยว่า ความสำเร็จในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับการใช้เทคโนโลยีประมวลผลยุคใหม่ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะเกินการควบคุมได้