เปิด 4 เรื่อง ‘ไม่จริง’ เกี่ยวกับ ‘PDPA’

เปิด 4 เรื่อง ‘ไม่จริง’ เกี่ยวกับ ‘PDPA’

กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ นับเป็นหมุดหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่ การให้ความสำคัญต่อสิทธิส่วนบุคคล แต่ขณะนี้ ก็เริ่มเกิดความเข้าใจผิดในตัวบทกฎหมายโดยเฉพาะ แบบไหนถึงเรียกว่า เป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

กฎหมาย PDPA หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะมีผลบังคับใช้ เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลวันที่ 1 มิ.ย.65 นี้ มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองและให้สิทธิกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลของเรา รวมถึงได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้นกับบุคคลหรือนิติบุคคลในการเก็บข้อมูล รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การใช้ข้อมูล หรือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ หากผู้ใดหรือองค์กรใดไม่ปฏิบัติตามนั้น มีโทษทั้งทางแพ่ง โทษทางอาญา และโทษทางปกครอง

PDPA ย่อมาจาก คำว่า Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) คือ กฎหมายว่า ด้วยการให้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การสร้างมาตรฐานรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย นำไปใช้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ เริ่มเกิดความเข้าใจผิดในตัวบทกฎหมาย PDPA ถึงกาารคุ้มครอง และแบบไหนถึงเรียกว่า เป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

เปิด 4 เรื่อง ‘ไม่จริง’ เกี่ยวกับ ‘PDPA’

1. การถ่ายรูป-ถ่ายคลิป ติดภาพคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่ยินยอมจะผิด PDPA

ตอบ กรณีการถ่ายรูป-ถ่ายคลิปโดยติดบุคคลอื่นโดยผู้ถ่ายรูป-ถ่ายคลิปไม่เจตนา และการถ่ายรูปถ่ายคลิปดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ถูกถ่าย สามารถทำได้ หากเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว

2. ถ้านำคลิปหรือรูปถ่ายที่ติดคนอื่นไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียโดยบุคคลอื่นไม่ยินยอมจะผิด PDPA

ตอบ สามารถโพสท์ได้ หากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ส่วนตัว ไม่ใช้แสวงหากำไรทางการค้าและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

3. ติดกล้องวงจรปิดแล้วไม่มีป้ายแจ้งเตือนผิด PDPA

ตอบ การติดกล้องวงจรปิด ภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีป้ายแจ้งเตือน หากเพื่อป้องกันอาชญากรรม และรักษาความปลอดภัยกับตัวเจ้าของบ้าน

4. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความยินยอมทุกครั้งก่อนนำข้อมูลไปใช้

ตอบ ไม่จำเป็น ต้องขอความยินยอม หากการใช้ข้อมูลดังกล่าว

(1) เป็นการทำตามสัญญา

(2) เป็นการใช้ที่มีกฎหมายให้อำนาจ

(3) เป็นการใช้เพื่อรักษาชีวิตและ/หรือ ร่างกายของบุคคล

(4) เป็นการใช้เพื่อการค้นคว้าวิจัยทางสถิติ

(5) เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ

(6) เป็นการใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ หรือสิทธิของตนเอง

ทั้งนี้ หลักการข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นกรณีๆไป

PDPA = พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

มาตรา 4(1) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการเก็บข้อมูลเพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัวของบุคคลนั้นเท่านั้น

ที่มา :  PDPC Thailand