‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล

Solar Mamas กลุ่มช่างไฟฟ้าหญิงผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล ปฏิวัติโครงสร้างทางสังคม ท้าทายบทบาททางเพศในค่านิยมปิตาธิปไตย

KEY

POINTS

  • โครงการ "โซลาร์มาม่า" คือการฝึกอบรมผู้หญิงวัยกลางคนในชุมชนห่างไกล (เช่น แซนซิบาร์) ที่ส่วนใหญ่ขาดโอกาสทางการศึกษา ให้เป็นช่างเทคนิคติดตั้งและบำรุงรักษาแผงโซลาร์เซลล์
  • โครงการนี้ช่วยเสริมสร้างพลังให้ผู้หญิงมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง พร้อมกับทลายกำแพงค่านิยมทางเพศที่จำกัดบทบาทของผู้หญิงและมองว่างานช่างเป็นเรื่องของผู้ชาย
  • การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทดแทนตะเกียงน้ำมันก๊าด ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากมลพิษ และทำให้เด็กๆ มีแสงสว่างในการอ่านหนังสือตอนกลางคืน

การเข้าถึงระบบไฟฟ้ายังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับประชาชนในหมู่เกาะแซนซิบาร์ นอกชายฝั่งประเทศแทนซาเนีย คนในเกาะนี้มีเกือบสองล้านคน แต่กลับมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีไฟฟ้าใช้ ท่ามกลางความมืดมิด แต่ยังคงมีแสงสว่างที่เกิดขึ้นจาก “โซลาร์มาม่า” (Solar Mamas) กลุ่มช่างเทคนิคหญิงวัยกลางคนที่นำพาพลังงานแสงอาทิตย์มาสู่ชุมชน พร้อมปฏิวัติโครงสร้างทางสังคมและบทบาททางเพศในชุมชนที่ยังคงมีค่านิยมแบบปิตาธิปไตยอย่างเข้มข้น

ในอดีตชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้ ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดและเผาถ่านไม้เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ซึ่งปล่อยมลพิษทำลายสุขภาพ แต่ตอนนี้เหล่าโซลาร์มาม่าได้ทำให้ผู้คนรู้จักกับโซลาร์เซลล์ พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการของวิทยาลัยนานาชาติแบร์ฟุต องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนในระดับชุมชน 

โครงการนี้คัดเลือกผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ขาดโอกาสในการศึกษาในระบบหรือมีพื้นฐานการศึกษาน้อยมาก เข้าร่วมอบรมฝึกการติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพราะพวกเธอมีความผูกพันกับหมู่บ้านอย่างลึกซึ้ง และมักจะไม่มีภาระในการดูแลบุตรหลานที่ยังเล็กมากจนเกินไป ทำให้พวกเธอเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะอยู่พัฒนาชุมชนของตนเองในระยะยาว 

เบรนดา เจฟฟรีย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนานาชาติแบร์ฟุต แซนซิบาร์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของโครงการนี้ว่า “เราต้องการเปลี่ยนความคิดของพวกเธอ จากที่เคยคิดว่าเกิดมาเพื่อเป็นเพียงแม่และเลี้ยงลูก ให้ตระหนักว่าพวกเธอก็สามารถเป็นมืออาชีพได้”

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล เครดิตภาพ: Barefoot College International

ด้วยการฝึกอบรมที่เข้มข้นกินเวลานานถึง 3-6 เดือน ผู้หญิงที่เข้าร่วมโครงการจะมาพักค้างแรมที่วิทยาลัยในหมู่บ้านคินยาซินี เพื่อเรียนรู้ทักษะวิศวกรรมแสงอาทิตย์อย่างครบวงจร แม้จะมีข้อจำกัดด้านการอ่านออกเขียนได้ แต่หลักสูตรถูกออกแบบมาให้เน้นการปฏิบัติจริงและการใช้รหัสสีในการจดจำอุปกรณ์เทคนิค เช่น การใช้สีดำแทนเลขศูนย์ สีน้ำตาลแทนเลขหนึ่ง และสีแดงแทนเลขสอง เป็นต้น

กระบวนการสอนนี้ช่วยทลายกำแพงความรู้ที่เคยถูกจำกัดไว้ให้เฉพาะผู้ที่มีการศึกษาสูงเท่านั้น นอกจากวิชาการติดตั้งและซ่อมแซมแผงโซลาร์เซลล์แล้ว พวกเธอยังได้รับความรู้ด้านสุขภาพ การเย็บปักถักร้อย การเลี้ยงผึ้ง และเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างรายได้ที่หลากหลายเมื่อกลับสู่หมู่บ้าน

เมื่อสำเร็จการศึกษา โซลาร์มาม่าแต่ละคนจะได้รับชุดอุปกรณ์ติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 25-50 ชุดเพื่อนำกลับไปติดตั้งในครัวเรือนในหมู่บ้านของตน ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนนี้ถูกออกแบบให้บ้านที่ต้องการติดตั้งโซลาร์เซลล์กับโซลาร์มาม่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนประมาณ 2.37 ดอลลาร์ เพื่อเป็นทุนในการบำรุงรักษาและสร้างรายได้ให้กับช่างเทคนิคหญิงเหล่านี้ 

จูมา เบอร์ฮัน ผู้อำนวยการหน่วยงานส่งเสริมเศรษฐกิจแซนซิบาร์ ระบุว่า “เหล่าโซลาร์มาม่าได้ช่วยเสริมสร้างพลังให้กับคนในพื้นที่ด้วยการมอบไฟฟ้าซึ่งเป็นบริการทางสังคมที่สำคัญยิ่ง ทั้งยังช่วยให้พวกเธอมีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคงในการเลี้ยงชีพ”

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล เครดิตภาพ: Barefoot College International

ผลกระทบทางสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าด้านเศรษฐกิจ การแทนที่ตะเกียงน้ำมันก๊าดด้วยพลังงานสะอาดช่วยลดความเสี่ยงจากการสูดดมควันซึ่งเป็นอันตรายต่อปอดในระยะยาว และลดอาการระคายเคืองตาที่มักเกิดกับเด็ก ๆ ขณะอ่านหนังสือ ยิ่งไปกว่านั้น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุเพลิงไหม้และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเด็กดื่มน้ำมันก๊าดเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ 

เจคอบ เดียนกา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นย้ำว่า พลังงานสะอาดมีความสำคัญมาก เพราะมันช่วยปกป้องสุขภาพ แสงสว่างที่สม่ำเสมอยังช่วยให้เด็ก ๆ สามารถทำการบ้านได้สะดวกขึ้น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อถ่านไฟฉายหรือการต้องเดินทางไปชาร์จโทรศัพท์มือถือที่บ้านเพื่อนบ้าน

ในมิติทางสังคม โครงการนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทลายกำแพงแห่งค่านิยมทางเพศเดิม ๆ การที่ผู้หญิงวัยกลางคนปีนหลังคาบ้านเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือใช้เครื่องมือบัดกรีแผงวงจรไฟฟ้าช่วยเปลี่ยนภาพจำของชุมชน ที่เคยมองว่างานด้านเทคนิคเป็นงานเฉพาะของผู้ชายเท่านั้น 

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล
เครดิตภาพ: Barefoot College International

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชัลเมอร์สระบุว่า โครงการนี้ได้ทำลายตราบาปและอุปสรรคทางสังคมโดยการพิสูจน์ว่าบุคคลที่ไม่มีการศึกษาในระบบก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้นำชุมชนได้ แม้ในช่วงแรกจะมีการต่อต้านจากสมาชิกในครอบครัวหรือการถูกหัวเราะเยาะจากคนในหมู่บ้าน แต่ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการที่มีไฟฟ้าใช้จริงได้เปลี่ยนคำสบประมาทให้กลายเป็นความยอมรับ 

คาซิจา อิสซา หนึ่งในครูฝึกผู้เคยเป็นหญิงหม้ายว่างงาน กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ว่า “เมื่อก่อนคนมักพูดว่างานนี้เป็นของผู้ชาย แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่างานของฉันสำคัญเพียงใด และฉันได้กลายเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น ๆ”

ความสำเร็จของโซลาร์มาม่าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในแซนซิบาร์เท่านั้น วิทยาลัยแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคที่ฝึกอบรมผู้หญิงจากประเทศอื่น ๆ เช่น มาลาวี โซมาลีแลนด์ มาดากัสการ์ และเซเนกัล ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา มีผู้หญิงในแซนซิบาร์ 65 คนจบหลักสูตรนี้และช่วยให้บ้านเรือนกว่า 1,858 หลังใน 29 หมู่บ้านมีไฟฟ้าใช้ 

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล เครดิตภาพ: Barefoot College International

อย่างไรก็ตาม โครงการยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านงบประมาณ เนื่องจากการลดลงของความช่วยเหลือจากต่างประเทศและการแข่งขันด้านแหล่งเงินทุนที่สูงขึ้น

“โซลาร์มาม่า” ไม่ได้เป็นเพียงช่างเทคนิคที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อวงจรไฟฟ้า แต่พวกเธอคือตัวแทนของการเปลี่ยนผ่านทางสังคมที่สำคัญ แสงสว่างจากดวงโคมพลังงานแสงอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพทางความรู้และการหลุดพ้นจากวงจรความยากจนและปัญหาสุขภาพ 

การฝึกอบรมผู้หญิงวัยกลางคนเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อได้รับโอกาสและทักษะที่เหมาะสม พลังจากมือที่เคยถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ในครัวเรือนก็สามารถส่องสว่างให้แก่ชุมชนและสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ดังที่ความสำเร็จของพวกเธอกลายเป็นเครื่องยืนยันว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นไม่ได้ถูกกำหนดด้วยใบปริญญาหรือเพศสภาพ แต่ถูกกำหนดด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่บ้านเกิดของตนเอง


ที่มา: AP NewsEuro NewsThe GuardianVice

‘Solar Mamas’ ช่างไฟฟ้าหญิง ผู้นำแสงสว่างจากโซลาร์เซลล์สู่ชุมชนห่างไกล

เครดิตภาพ: Barefoot College International