ไทยประกาศปักหมุด SCP พลิกโฉมประเทศสู่ 'เศรษฐกิจสีเขียว' ยกระดับ MSMEs

ไทยประกาศปักหมุด SCP พลิกโฉมประเทศสู่ 'เศรษฐกิจสีเขียว' ยกระดับ MSMEs

สผ. กางโรดแมป "แผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP)" ระยะ 15 ปี เผยผลงานระยะแรกสุดปัง ลดใช้น้ำอุตสาหกรรมได้กว่า 4.5 ล้าน ลบ.ม. พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ "4 ตัวเร่ง" ชูประเด็นลดขยะอาหาร ดัน ESG เข้าสู่หัวใจ MSMEs และปั้นแอปฯ ECOLIFE เปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนไทยให้เป็นมิตรต่อโลก

KEY

POINTS

  • ไทยประกาศใช้แผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP) เพื่อเป็นกลไกหลักในการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่เศรษฐกิจสีเขียว
  • ผลการดำเนินงานระยะแรกประสบความสำเร็จ สามารถลดการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมได้ 4.5 ล้าน ลบ.ม. และลดการปล่อยคาร์บอนได้ 9.3 ล้านตัน
  • มุ่งเน้นการยกระดับผู้ประกอบการ MSMEs ซึ่งเป็นรากฐานเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมมาตรฐาน ESG และสร้างแพลตฟอร์มรายงานความยั่งยืน
  • เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ "4 ตัวเร่ง" โดยมีโครงการสำคัญเร่งด่วน เช่น การลดขยะอาหาร (Stop Food Waste) และการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

โรดแมป "แผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP)" ระยะ 15 ปี เผยผลงานระยะแรกสุดปัง ลดใช้น้ำอุตสาหกรรมได้กว่า 4.5 ล้าน ลบ.ม. พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ "4 ตัวเร่ง" ชูประเด็นลดขยะอาหาร ดัน ESG เข้าสู่หัวใจ MSMEs และปั้นแอปฯ ECOLIFE เปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนไทยให้เป็นมิตรต่อโลก

จากนโยบายสู่การลงมือทำ ผลลัพธ์ระยะที่ 1 ที่จับต้องได้

กานดา ชูแก้ว รองเลขาธิการสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวในงาน เครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งประเทศไทยประจำปี 2568 ว่า  ความสำเร็จก้าวแรกของแผน SCP (พ.ศ. 2567-2570) ที่ไม่ได้มีดีแค่ตัวเลข แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างแท้จริง โดยสามารถ

  • ด้านพลังงานและอากาศ: ลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอน ได้ถึง 9.3 ล้านตันคาร์บอนฯ เทียบเท่า
  • ด้านทรัพยากรน้ำ: ภาคอุตสาหกรรมประหยัดน้ำได้มหาศาลถึง 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร
  • ด้านขยะ: โชว์ตัวเลขสุดล้ำ นำขยะอุตสาหกรรมกลับมาใช้ประโยชน์ได้สูงถึง 87%
  • ด้านการผลิต: ปั้น "เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ" กระจายตัวทั่วประเทศแล้ว 18 พื้นที่

4 หมัดเด็ด “ตัวเร่งความยั่งยืน” ระยะต่อไป

เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่ระยะที่ 2 และ 3 อย่างมั่นคง สผ. ได้คัดเลือก 4 ประเด็นเร่งด่วนที่จะเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อน ได้แก่

  • Sustainable Food System: สร้างระบบอาหารที่ปลอดภัยตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
  • Circular Economy: จัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • ESG for MSMEs: ปลดล็อกศักยภาพผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็น "กระดูกสันหลังของชาติ" ให้เข้าถึงมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล
  • Sustainable Tourism: ยกระดับการท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายระบบนิเวศ ผ่านความร่วมมือกับ GIZ จากเยอรมนี

ไฮไลต์โครงการ "Quick Win" ที่ทุกคนต้องจับตา

Stop Food Waste: การจับมือครั้งประวัติศาสตร์ของ 15 ภาคี และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ (สยามพิวรรธน์, เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, ซีคอน) เพื่อลดขยะอาหารในศูนย์การค้า เริ่ม Kick-off ม.ค. 2567 นี้

  • ECOLIFE Application: แอปพลิเคชันที่เปลี่ยนการรักษ์โลกให้เป็นเรื่องสนุก สร้างคอมมูนิตี้เยาวชนและประชาชนให้ปรับไลฟ์สไตล์ผ่านแคมเปญ "กินจาน ฐานยั่งยืน"
  • MSME Sustainability Report: แพลตฟอร์มรายงานความยั่งยืนที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ ช่วยให้ MSMEs ไทยมีแต้มต่อในตลาดโลก

ยุทธศาสตร์ 3 เสาหลัก ก้าวต่อไปที่ไร้รอยต่อ

สผ. ย้ำชัดว่าก้าวต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่ การบูรณาการข้อมูล (Data Integration) เพื่อให้ทุกตัวเลขความสำเร็จวัดผลได้จริง, การขยายเครือข่าย (Expanding Cooperation) ลงสู่ระดับพื้นที่ และ การผลักดันเชิงนโยบาย (Policy Mainstreaming) ให้เรื่องความยั่งยืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจมหภาค

"เป้าหมายเหล่านี้ไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากการเดินไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน" ข้อความทิ้งท้ายจาก สผ. ที่พร้อมเป็นตัวกลางเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน

ผลงาน "ระยะที่ 1" (2567-2570) ก้าวแรกที่มั่นคงสู่ความยั่งยืน

จากการดำเนินงานในช่วงแรก สผ. เผยว่าประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญในหลายมิติ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและพลังงานที่เป็นหัวใจหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

การปฏิวัติภาคอุตสาหกรรม: ปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่สู่การเป็น "เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-industrial Town)" แล้วถึง 18 พื้นที่ ซึ่งสามารถลดการใช้น้ำไปได้แล้วกว่า 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเป้าหมายรวม 27 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2580

ชัยชนะด้านสภาพภูมิอากาศ: ภาคพลังงานสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 9.3 ล้านตันคาร์บอนฯ เทียบเท่า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานหมุนเวียนที่เห็นผลเป็นรูปธรรม

Circular Economy ในทางปฏิบัติ: ประเทศไทยทำสถิติใหม่ในการจัดการของเสีย โดยสามารถนำขยะจากภาคอุตสาหกรรมกลับมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ได้สูงถึง 87% ขณะที่ขยะชุมชนถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 39%

สผ. ยืนยันในบทบาทของการเป็น "ศูนย์กลางการประสานงาน" (Coordinating Hub) ที่จะคอยสนับสนุนและผลักดันให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน เดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เพราะความยั่งยืนไม่ใช่ภาระของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือโอกาสในการสร้างอนาคตที่มั่นคงสำหรับคนไทยทุกคน