เปิดอันดับ ผู้ค้าปลีกไทย 'ไข่ไก่ปลอดกรง' ท่ามกลางแม่ไก่ 54 ล้านตัวยังถูกขัง

ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล จัดอันดับผู้ค้าปลีกไทย 14 แห่งด้านนโยบาย "ไข่ไก่ปลอดกรง" พบว่ามีเพียง 5 แห่งที่มีนโยบายที่ชัดเจน
KEY
POINTS
- องค์กรซิเนอร์เจีย แอนนิมอล จัดอันดับผู้ค้าปลีกไทย 14 แห่งด้านนโยบาย "ไข่ไก่ปลอดกรง" พบว่ามีเพียง 5 แห่งที่มีนโยบายที่ชัดเจน
- Sunshine Market และ Rimping ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในกลุ่ม A ที่มีนโยบายก้าวหน้า ในขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่อย่าง Big C, Villa Market และ Foodland ยังไม่มีนโยบายสาธารณะ
- การจัดอันดับนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่แม่ไก่ในไทยกว่า 54 ล้านตัวยังคงถูกเลี้ยงในระบบกรงตับ ซึ่งเป็นการทารุณกรรมสัตว์และถูกแบนแล้วในหลายประเทศ
องค์กรซิเนอร์เจีย แอนนิมอล (Sinergia Animal) ได้เผยแพร่รายงานฉบับสำคัญ “การจัดอันดับบริษัทผู้ค้าปลีกไทยด้านนโยบายไข่ไก่ปลอดกรง” เมื่อพฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นการจัดอันดับนโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์ของบริษัทผู้ค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ 14 แห่งในประเทศไทย การจัดอันดับประเมินโดยอิงจาก 6 เกณฑ์ “อ้างอิงจากข้อมูลสาธารณะที่บริษัทต่าง ๆ เผยแพร่เท่านั้น” รวมคะแนนเต็ม 18 คะแนน พบว่า มีเพียง 5 แห่ง จากจำนวน 14 ผู้ค้าปลีก ที่มีการเผยแพร่นโยบายหรือประกาศแนวทางเกี่ยวกับการจัดหาไข่ไก่ปลอดกรงอย่างชัดเจน
“ศนีกานต์ รศมนตรี” กรรมการผู้จัดการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย กล่าวว่าซิเนอร์เจีย แอนนิมอล เป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับสากล ซึ่งปฏิบัติงานในกลุ่มประเทศ Global South ดำเนินงานใน 9 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพื่อบรรเทาความทุกข์ของสัตว์ในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร และส่งเสริมทางเลือกอาหารที่มีจริยธรรม และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในองค์กรพิทักษ์สัตว์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกโดย Animal Charity Evaluators
รายงานนี้ สะท้อนภาพรวมที่ชัดเจนและเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับจุดยืนของผู้ค้าปลีกในไทยต่อประเด็นไข่ไก่ปลอดกรง บางบริษัทเริ่มแสดงบทบาทนำ แต่โดยรวมแล้วยังมีช่องว่างมหาศาล ผู้ค้าปลีกมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างตลาดที่รับผิดชอบ และนโยบายการจัดหาของพวกเขาควรสะท้อนความรับผิดชอบนี้
จากข้อมูลของรายงาน ประเทศไทยมีแม่ไก่ที่ถูกขังในกรงรวมกันประมาณ 54 ล้านชีวิต ในอุตสาหกรรมผลิตไข่ โดยส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงในระบบ “กรงตับ” ซึ่งแม่ไก่จะถูกขังไว้ตลอดวงจรการผลิตประมาณ 52 สัปดาห์ สภาพความเป็นอยู่ในกรงตับนั้นถือเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่โหดร้ายที่สุดในอุตสาหกรรมปศุสัตว์
เนื่องจากแม่ไก่แต่ละตัวมีพื้นที่น้อยกว่ากระดาษ A4 และในหนึ่งกรงอาจขังไก่ไว้มากถึง 8-12 ตัว ความแออัดนี้ทำให้ไก่ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้ เช่น การกางปีก คุ้ยเขี่ยดิน การเกาะคอน หรือการทำรัง ขณะที่ในระดับสากล หลายประเทศอย่างสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และออสเตรเลีย ได้ประกาศห้ามใช้ระบบกรงตับนี้แล้ว
เกณฑ์การประเมิน
การประเมินครั้งนี้ใช้คะแนนเต็ม 18 คะแนน (100%) อ้างอิงจากเกณฑ์ 6 ข้อ ได้แก่
1. บริษัทมีนโยบายการจัดหาไข่ไก่จากแหล่งผลิตที่ไม่ใช้กรงขัง (Cage-free) เผยแพร่ต่อสาธารณะ
2. บริษัทมีนโยบายครอบคลุมการจำหน่ายไข่ไก่ไร้กรงทั้งหมด 100%
3. บริษัทมีนโยบายที่ครอบคลุมทั้งไข่ไก่ไร้กรง แบรนด์ของร้าน (in-house brand) และแบรนด์อื่นๆ ที่วางขาย
4. บริษัทบังคับใช้นโยบายกับบริษัทค้าปลีกทุกแห่งในเครือ
5. บริษัทระบุช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านอย่างชัดเจน เพื่อมุ่งสู่การจัดหาไข่ไก่ไร้กรงให้ได้ 100%
6. บริษัทมีรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว
จากนั้นจึงแบ่งเกณฑ์การจัดอันดับเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่ม A (66%-100%): ปฏิบัติตามเกณฑ์อย่างเต็มที่และมีความโปร่งใส
- กลุ่ม B (36%-65%): ปฏิบัติได้บางส่วนแต่ข้อมูลยังไม่ชัดเจนหรือเพียงพอ
- กลุ่ม C (0%-35%): ไม่ปฏิบัติ ตามเกณฑ์ หรือไม่มีนโยบายสาธารณะ
เจาะลึกผลจัดอันดับ ใครนำ?
จากการสำรวจพบว่ามีเพียง 5 บริษัทจาก 14 แห่งที่มีนโยบายหรือแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดหาไข่ไก่ปลอดกรง
- Sunshine Market (อันดับ 1 คะแนน 83% - กลุ่ม A): เป็นผู้ค้าปลีกที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด บริษัทมีนโยบายสารธารณะชัดเจนในการจัดหาใช้ไม่ใช้โรค ครอบคลุมทั้งแบรนด์ของร้านและแบรนด์อื่น ๆ ทุกสาขาพร้อมระบุช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อสวัสดิภาพสัตว์ แม้ยังไม่มีการรายงานความก้าวหน้าต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง
- Rimping (อันดับ 2 คะแนน 72% - กลุ่ม A): เป็นผู้ค้าปลีกที่มีความก้าวหน้ารองลงมา มีนโยบายที่ครอบคลุมทั้งแบรนด์ของร้านและแบรนด์อื่น ๆ ครอบคลุมทุกสาขา และมีการระบุเป้าหมายที่ชัดเจน แม้นโยบายดังกล่าวจะยังไม่ได้เผยแพร่ผ่านช่องทางสาธารณะ แต่บริษัทได้แสดงเจตนารมณ์อย่างเป็นทางการผ่านจดหมายรับรอง เมื่อปี พ.ศ. 2566 ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยความก้าวหน้าต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
- Tops (คะแนน 55% กลุ่ม B): บริหารงานโดย เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด มีนโยบายสนับสนุนการใช้ไม่ใช้โรค ครอบคลุม 50% ของพื้นที่การจัดจำหน่ายไม่ใช่ทั้งหมด และใช้กับทุกแบรนด์ในเครือผู้ค้าปลีก (Tops, Central Food Hall, Family Mart) พร้อมทั้งกำหนดช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน แต่ยังขาดความชัดเจนในบางเกณฑ์ เช่น ความครอบคลุมไม่ชัดเจนแบรนด์อื่น ๆ
- Makro และ Lotus’s (คะแนน 55% กลุ่ม B): ได้คะแนนเท่ากัน ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพนโยบายร่วมของบริษัทแม่อย่าง CP AXTRA ทั้งสองมีนโยบาย ครอบคลุมทั้งแบรนด์ของร้านและแบรนด์อื่น ๆ วางขายทุกบริษัทในเครือ แต่ไม่ได้ระบุเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า จัดจำหน่ายใช้ไม่ใช้ทั้งหมดที่เป็นออร์แกนิค แต่มีการระบุช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน และรายงานความก้าวหน้าต่อสาธารณะบางส่วนในรูปแบบข้อมูลคำการซื้อใช้ไม่ใช้โรคที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี
ความคืบหน้าบางส่วนไม่เพียงพอ
รายงานระบุด้วยว่า ยังมีผู้ค้าปลีกรายใหญ่และแบรนด์ยอดนิยมอีกหลายแห่ง (กลุ่ม C) ได้แก่ Big C, Villa Market, Foodland, Gourmet Market, Lawson 108 และ Maxvaluยังไม่มีนโยบาย Cage-free ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างชัดเจน
- Maxvalu (อิออน ไทยแลนด์): ยังไม่มีนโยบายในไทย แม้ว่า AEON ในประเทศมาเลเซียจะประกาศนโยบายนี้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2022
- Foodland: แม้จะเคยมีกิจกรรมโปรโมทไข่ไร้กรงในปี 2567 แต่ยังไม่ใช่การประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง
- Lemon Farm บริษัทเคยประกาศนโยบายใช้ไม่ใช้จากระบบที่ไม่ใช้การบังคับเป็นทางการบนเว็บไซต์เมื่อปี พ.ศ. 2565 แต่ปัจจุบันไม่มีการเผยแพร่นโยบายฉบับบนหน้าเว็บไซต์แล้ว
“หทัย ลิ้มประยูรยงค์” ผู้จัดการฝ่ายโปรแกรม ซิเนอร์เจีย แอนิมอล ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ค้าปลีก ไม่ว่าบริษัทจะมีขนาดเท่าใด ก็สามารถขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกแบรนด์ และรายงานความคืบหน้าอย่างโปร่งใส การพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สม่ำเสมอ จะช่วยยกระดับมาตรฐานทั้งอุตสาหกรรมและคาดหวังของผู้บริโภคได้
ทั้งนี้ระบบการเลี้ยงในลักษณะนี้ยังส่งผลต่อความปลอดภัยของอาหารของผู้บริโภค จากข้อมูลของสำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) พบว่า ไข่ที่มาจากระบบกรงมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อซัลโมเนลลามากกว่าระบบไร้กรง (cage-free) นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตว์ในระบบอุตสาหกรรมยังมีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมโรคในสัตว์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสาธารณสุขทั่วโลก
แนวสากลที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น
“แคโรลินา กาลวานี” กรรมการบริหาร ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล กล่าวว่า หลายประเทศในยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ลักเซมเบิร์ก และไอซ์แลนด์ ได้ประกาศยกเลิกการใช้กรงตับโดยสมบูรณ์ ขณะที่บริษัทระดับนานาชาติหลายราย ได้ให้คำมั่นยกเลิกการใช้กรงในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
“การเปลี่ยนไปสู่การจัดหาไข่ไก่ปลอดกรงเป็นแนวปฏิบัติสากลที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น จากทั้งผู้บริโภค นักลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก ภาคค้าปลีกไทยของไทยมีโอกาสที่จะแสดงความเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการร่วมกันประกาศนโยบายปลอดกรงที่มีกรอบเวลาและมาตรฐานเดียวกัน”
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมค้าปลีกไทยยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นหลักที่มีอิทธิพลสูง รายงานเน้นย้ำว่าขนาดของสาขาหรือความซับซ้อนของธุรกิจไม่ควรเป็นเหตุผลในการละเลยสวัสดิภาพสัตว์ หากยักษ์ใหญ่ในตลาดหันมาดำเนินนโยบายอย่างจริงจัง จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารของไทยให้ทัดเทียมสากลและเป็นมิตรต่อสัตว์มากขึ้น







