จับตา COP31 อันตัลยา จะกล้าหยุดฟอสซิล หรือถอยหลังกลับทางเดิม

จับตา COP31 อันตัลยา จะกล้าหยุดฟอสซิล หรือถอยหลังกลับทางเดิม

การประชุม COP31 ที่เมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี จะต้องเผชิญโจทย์ใหญ่ที่ส่งต่อมาจากการประชุมครั้งก่อน คือการผลักดันให้เกิดการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งยังคงเผชิญแรงต้านจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน

KEY

POINTS

  • การประชุม COP31 ที่เมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี เผชิญโจทย์ใหญ่ที่ส่งต่อมาจากการประชุมครั้งก่อน คือการผลักดันให้เกิดการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
  • ตุรกีและออสเตรเลียจะทำหน้าที่ประธานร่วมกัน โดยใช้จุดแข็งของตุรกีด้านพลังงานหมุนเวียน และความเชี่ยวชาญด้านการเจรจาของออสเตรเลีย เพื่อสร้างความร่วมมือ
  • วาระสำคัญที่คาดว่าจะถูกผลักดันในการประชุมครั้งนี้ คือการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมเหล็ก และการเร่งลดการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมกันของทั้งสองประเทศเจ้าภาพ

แม้การประชุม COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล เมื่อเดือน พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา อาจไม่ก้าวหน้าเท่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง และผลลัพธ์ยังไม่ตอบโจทย์สำหรับหลายประเทศ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพหุภาคีนิยมยังสามารถสร้างผลลัพธ์และความก้าวหน้าได้ แม้ไม่มีสหรัฐอเมริกาเข้าร่วม

หลายประเทศยืนยันเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้กรอบความตกลงปารีส แต่ประเด็นใหญ่ที่สุด การเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ยังคงติดหล่ม และกลายเป็นการบ้านหนักที่ถูกส่งต่อไปยัง COP31 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หนึ่งในความคืบหน้าที่เห็นได้ชัดของ COP30 คือการที่กว่า 122 ประเทศ ยื่นคำมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDC) เพิ่มเติม ครอบคลุมเกือบ 80% ของการปล่อยก๊าซโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว โลกจะลดการปล่อยได้เพียงราว 12% ภายในปี 2035 ซึ่งยังห่างไกลจากระดับที่วิทยาศาสตร์ระบุว่าจำเป็นต่อการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

สหภาพยุโรป (EU) เป็นกลุ่มที่ยกระดับเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยให้คำมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 66.25–72.5% ภายในปี 2035 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านภูมิอากาศในเวทีโลก

ความตกลงปารีสยังได้ผล

แม้ผลลัพธ์โดยรวมจะยังไม่ถึงเป้า แต่ COP30 สะท้อนว่า “ความตกลงปารีสยังทำงาน” เพราะหากไม่มีข้อตกลงดังกล่าว การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกอาจพุ่งสูงขึ้นถึง 20–48% ปัญหาจึงไม่ใช่ทิศทาง แต่คือความเร็วและความเข้มข้นที่ยังไม่เพียงพอต่อวิกฤติที่รุนแรงขึ้นทุกปี

อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญคือการยกระดับ “การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ” เป็นวาระหลักของการเจรจา ประเทศต่าง ๆ เห็นพ้องเพิ่มเงินทุนด้านการปรับตัวอย่างน้อย 3 เท่าภายในปี 2035 ภายใต้กรอบเป้าหมายการเงินใหม่ (NCQG)

EU ยังคงเป็นผู้ให้เงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปี 2024 สนับสนุนกว่า 31.7 พันล้านยูโร และเกือบครึ่งหนึ่งถูกนำไปใช้กับการเสริมความยืดหยุ่นและการปรับตัวของชุมชน

ฟอสซิล ปมที่ COP30 สะสางไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงเป็นจุดแตกหักสำคัญ แม้ COP30 จะตอกย้ำทิศทางจาก COP28 เรื่อง การเปลี่ยนผ่านออกจากฟอสซิล และมีประเทศกว่า 80 ประเทศเข้าร่วมความร่วมมือใหม่ แต่ถ้อยคำในข้อตกลงสุดท้ายกลับอ่อนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง

แรงต้านหลักมาจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ โดยกลุ่มประเทศอาหรับ 22 ประเทศ รวมถึงซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยืนยันชัดว่า “ไม่ควรแตะภาคพลังงาน” ในการเจรจา พร้อมเตือนว่าการเดินหน้าเรื่องนี้อาจทำให้การประชุมล้มเหลว

ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล พร้อมกับกว่า 80 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญในการผลักดันพันธสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อ 2 ปีก่อนว่าต้องเดินหน้า “เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

แม้กลุ่มประเทศเหล่านี้จะพยายามเรียกร้องอย่างหนักให้มีแผนออกจากฟอสซิลอย่างชัดเจน และสหราชอาณาจักรถึงขั้นร่วมลงนามในจดหมายแสดงความกังวลต่อร่างข้อตกลงที่ยื่นมาแบบ “รับหรือไม่รับ” แต่สุดท้ายเสียงเรียกร้องทั้งหมดก็ไม่เป็นผล เมื่อถ้อยคำที่ว่าด้วยการลดและเลิกใช้ฟอสซิลถูกลบหายไปจากร่างสุดท้าย หลังจากการคัดค้านแข็งกร้าวของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่

อังเดร กอร์เรอา ดู ลาโก ประธาน COP30 กล่าวว่า พื้นที่ต่อรองเรื่องฟอสซิลแทบไม่เหลือ นอกจากการปรับถ้อยคำเพียงเล็กน้อย ทางออกชั่วคราวจึงกลายเป็น “ข้อตกลงอาสา” แยกต่างหากสำหรับประเทศที่พร้อมลงนาม ซึ่งสะท้อนรอยร้าวของฉันทามติในเวทีโลกอย่างชัดเจน

ตุรกี-ออสเตรเลีย เจ้าภาพร่วม COP31

ตุรกีจะเป็นเจ้าภาพและประธานการประชุม COP31 อย่างเป็นทางการที่เมืองอันตัลยา ขณะที่ออสเตรเลียจะรับบทบาทสนับสนุนในฐานะประธานฝ่ายการเจรจา ขณะเดียวกัน ประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวาระ ทั้งก่อนและระหว่างการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)

การแยกบทบาทระหว่างการเป็นเจ้าภาพและการนำการเจรจา ช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองภายในประเทศ ลดต้นทุน และเปิดพื้นที่ให้เกิดความร่วมมือแบบครอบคลุมและข้ามประเด็น หากดำเนินการได้อย่างเหมาะสม COP31 อาจกลายเป็นการสร้างสะพานเชื่อมที่การเจรจาสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติต้องการ สิ่งที่อาจไม่มีมหาอำนาจใดทำได้เพียงลำพัง

อันตัลยาเป็นสถานที่เหมาะสมกับการจัดประชุมนานาชาติ เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ขั้นตอนวีซ่าที่ไม่ซับซ้อน และการเดินทางที่มีต้นทุนต่ำ โดยเมืองนี้มีโรงแรมกว่า 600,000 เตียง และศูนย์ประชุมขนาดใหญ่รองรับการจัด COP ได้เต็มรูปแบบ

ต้นทุนเป็นอีกปัจจัยสำคัญ หลังจาก COP หลายครั้งที่มีค่าใช้จ่ายสูง และปัญหางบประมาณของ UNFCCC อันตัลยาจึงเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าสำหรับทั้งผู้เข้าร่วมและเจ้าภาพ

ตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์และการทูตของตุรกี ซึ่งเชื่อมยุโรป ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ทำให้ประเทศมีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญในโลกการเมืองสภาพภูมิอากาศที่กำลังกลายเป็นพหุขั้ว

จุดแข็ง 2 ประเทศ 

ในด้านพลังงานหมุนเวียน ตุรกีผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ 156 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 มากกว่าออสเตรเลียที่ 98.8 เทราวัตต์ชั่วโมง ประสบการณ์การพัฒนาโซลาร์และลมในระดับอุตสาหกรรมของตุรกีสามารถช่วยผลักดันเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนของสหประชาชาติได้

ขณะที่ ออสเตรเลียมีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งในการเจรจา UNFCCC มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับประเทศแปซิฟิก และบทบาทด้านการทูตสภาพภูมิอากาศที่กำลังเติบโต ในฐานะประธานฝ่ายการเจรจา ออสเตรเลียสามารถใช้เครือข่ายเหล่านี้เร่งความคืบหน้า โดยเฉพาะด้านพลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรมในภูมิภาคที่พึ่งพาถ่านหิน

ประสบการณ์ด้านโซลาร์บนหลังคาและการเชื่อมระบบไฟฟ้าของออสเตรเลีย สามารถผสานกับความเชี่ยวชาญการผลิตโซลาร์ในประเทศของตุรกี เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงปฏิบัติด้านพลังงานหมุนเวียน การลดคาร์บอนภาคอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนผ่านพลังงานในภูมิภาค

ประเด็นสำคัญ COP31

ยังไม่ชัดเจนว่าวาระ COP31 จะถูกกำหนดโดยความร่วมมือประธานใหม่มากเพียงใด แต่มีอย่างน้อยสองประเด็นที่ทั้งสองประเทศน่าจะผลักดันร่วมกัน

  • ประเด็นแรกคือ อุตสาหกรรมเหล็กที่ยังล่าช้าในการเปลี่ยนจากถ่านหินสู่ไฟฟ้า ตุรกีเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กด้วยเตาไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ขณะที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ส่งออกแร่เหล็กรายใหญ่ที่สุด อาจก้าวสู่บทบาทมหาอำนาจ “เหล็กเขียว” ในอนาคต COP31 เป็นโอกาสต่อยอดปฏิญญาเบเลงว่าด้วยอุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลก
  • ประเด็นที่สองคือ การเร่งลดการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า ออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตและส่งออกถ่านหินรายใหญ่ ส่วนตุรกีเป็นผู้ใช้รายสำคัญ แม้ประเด็นนี้จะเคยอยู่ใน COP ก่อนหน้า แต่แทบไม่ถูกกล่าวถึงที่เบเลง COP31 ที่อันตัลยาอาจเปิดพื้นที่สนทนาใหม่อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนผ่านของเหมืองถ่านหิน ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมของทั้งสองประเทศ

เมื่อสัญญาณโลกร้อนรุนแรงขึ้นทุกปี เวที COP31 จะไม่ใช่แค่การต่อรองทางการทูต แต่เป็นบททดสอบความจริงใจของประชาคมโลกว่า พร้อมเผชิญหน้ากับอำนาจฟอสซิล และเร่งลดการปล่อยก๊าซ ก่อนที่เวลาจะหมดลง