กลยุทธ์ SWITCH-Asia ปั้นเอเชียสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน ดัน 'จัดซื้อสีเขียว'

กลยุทธ์ SWITCH-Asia ปั้นเอเชียสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน ดัน 'จัดซื้อสีเขียว'

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อโครงการ SWITCH-Asia ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป รุกคืบยกระดับนโยบายการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน (SCP)

KEY

POINTS

  • โครงการ SWITCH-Asia ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป มุ่งผลักดันภูมิภาคเอเชียสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและการผลิตที่ยั่งยืน (SCP)
  • ใช้กลยุทธ์หลักคือการส่งเสริม "การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว" (GPP) ของภาครัฐ โดยยกระดับจากมาตรการสมัครใจสู่การเป็นข้อบังคับในกฎหมายระดับชาติ
  • ยกตัวอย่างความสำเร็จของเวียดนามและคิริบาสในการปฏิรูปกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
  • เผชิญความท้าทายในการขาดฐานข้อมูลการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (LCA) และการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้สามารถแข่งขันในตลาดสินค้าสีเขียวได้

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อโครงการ SWITCH-Asia ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป รุกคืบยกระดับนโยบายการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน (SCP) สู่กฎหมายระดับชาติ ชูโมเดลเวียดนาม-คิริบาส เป็นต้นแบบการใช้พลังจัดซื้อภาครัฐขับเคลื่อนตลาด พร้อมเร่งอุดช่องว่างข้อมูล LCA และเสริมแกร่ง SME รับมือเกณฑ์การค้าโลกใหม่

ดร.ลัณฉกร ประทุมรัตน์ Thailand Office Director,EU SWITCH-Asia Policy Support Component กล่าวในงาน เครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งประเทศไทยประจำปี 2568 ว่า ในปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลายเป็นศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจและการผลิตของโลก แต่ความสำเร็จนี้กลับมาพร้อมกับ "ช่องว่างด้านความยั่งยืน" (Sustainability Gap) ที่กว้างขึ้นจากการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว โครงการ SWITCH-Asia จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นฟันเฟืองสำคัญในการปิดช่องว่างนี้ โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 42 ประเทศ ตั้งแต่เอเชียตะวันออกไปจนถึงตะวันออกกลาง

2 เสาหลักขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

โครงการดำเนินงานผ่านสองกลไกที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ได้แก่

ส่วนงานสนับสนุนเชิงนโยบาย (Policy Support Component): มุ่งเน้นการส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าฝังตัวในหน่วยงานรัฐเพื่อร่างกฎหมายและวางกรอบนโยบาย เช่น การบูรณาการเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้ากับแผนการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) เพื่อแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

ส่วนงานให้ทุนสนับสนุนโครงการ (Grant Project Component): การอัดฉีดงบประมาณทุกๆ 2 ปี เพื่อขับเคลื่อนโครงการภาคปฏิบัติที่สามารถจับต้องได้จริงและสอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก

4 เทรนด์ปฏิรูปเศรษฐกิจเอเชีย จากนโยบายสู่ภาคปฏิบัติ

จากการติดตามความก้าวหน้าในภูมิภาค SWITCH-Asia ระบุว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กำลังกลายเป็น "กติกาหลัก" ผ่าน 4 แนวโน้มสำคัญ

  • Mainstreaming GPP: การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (GPP) ถูกยกระดับจากการขอความร่วมมือ สู่การเป็นบทบัญญัติในกฎหมายและยุทธศาสตร์ชาติ
  • Circular Transition: การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนที่เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ลดขยะ โดยมีอุตสาหกรรมพลาสติกและการก่อสร้างเป็นทัพหน้า
  • Eco-Labeling & Transparency: การใช้ฉลากสิ่งแวดล้อมและข้อมูล EPD (Environmental Product Declaration) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดว่าผลิตภัณฑ์นั้นดีต่อโลกจริงหรือไม่
  • Policy Linkage: การเชื่อมโยงนโยบาย SCP เข้ากับระบบการเงินสีเขียว (Green Finance) ทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ถอดบทเรียนความสำเร็จ เวียดนาม และ คิริบาส

กรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้คือ เวียดนาม ซึ่งได้บรรจุเรื่องความยั่งยืนไว้ใน Bidding Law (2023) และ Environmental Protection Law (2020) พร้อมประกาศเป้าหมายเชิงรุกว่า ภายในปี 2050 ครึ่งหนึ่งของการจัดซื้อโดยภาครัฐต้องเป็นสินค้าสีเขียวทั้งหมด โดยมีการนำระบบ Life Cycle Costing (การคำนวณต้นทุนตลอดวัฏจักรชีวิต) มาใช้ในการตัดสินผลการประมูล แทนที่จะดูแค่ราคาที่ต่ำที่สุด

ขณะที่ คิริบาส แม้จะเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร แต่ได้ปฏิรูปกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างในปี 2024 โดยกำหนดให้โครงการก่อสร้างภาครัฐต้องผ่านเกณฑ์ EIA และใบอนุญาตด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าประเทศขนาดใดก็สามารถขับเคลื่อนนโยบายสีเขียวได้

ความท้าทายที่รอการปลดล็อก

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำยังคงมีอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะ "ช่องว่างด้านข้อมูล" เนื่องจากการขาดแคลนฐานข้อมูลการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (LCA) ทำให้การกำหนดเกณฑ์จัดซื้อทำได้ยาก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเอเชีย ยังขาดความพร้อมด้านเทคโนโลยีและมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป ส่งผลให้สินค้าสีเขียวยังต้องดิ้นรนอย่างหนักในเชิงการแข่งขันราคา

บทบาทของไทยในเวทีภูมิภาค

สำหรับประเทศไทย ความเคลื่อนไหวที่สำคัญคือการเติบโตของ Asian Circular Economy Business Alliance (ACEBA)ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคธุรกิจระดับภูมิภาค โดยมี สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) เป็นผู้นำการขับเคลื่อน เพื่อให้ภาคธุรกิจไทยสามารถปรับตัวเข้ากับมาตรฐานยุโรปและอาเซียนได้อย่างไร้รอยต่อ

การขับเคลื่อนของ SWITCH-Asia ชี้ให้เห็นว่า พลังของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 30% ของ GDP) คือกุญแจสำคัญที่จะบีบให้ตลาดเปลี่ยนพฤติกรรม หากรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียรวมพลังกันใช้เกณฑ์เขียวในการเลือกซื้อสินค้า จะเป็นแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องปฏิรูปตัวเองสู่ความยั่งยืนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้