ลอรีอัล เปิดแผน Longevity ดูแลผิวระดับเซลล์ เชื่อมยุทธศาสตร์ความยั่งยืน

ลอรีอัล เปิดแผน Longevity ดูแลผิวระดับเซลล์ เชื่อมยุทธศาสตร์ความยั่งยืน

ลอรีอัลเปิดตัวศาสตร์ใหม่ L’Oréal Longevity Integrative Science™ ที่วิจัยนานกว่า 15 ปี เพื่อทำความเข้าใจกลไกความชราและดูแลผิวในระดับเซลล์

KEY

POINTS

  • ลอรีอัลเปิดตัวศาสตร์ใหม่ L’Oréal Longevity Integrative Science™ ที่วิจัยนานกว่า 15 ปี เพื่อทำความเข้าใจกลไกความชราและดูแลผิวในระดับเซลล์
  • เปลี่ยนแนวทางการดูแลผิวจากการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว (Corrective) ไปสู่การคาดการณ์และป้องกัน (Predictive & Preventive) ปัญหาริ้วรอยก่อนที่จะปรากฏ
  • กลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับเป้าหมายความยั่งยืนปี 2030 ของบริษัท ทั้งในด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตร และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

ในยุคที่ความงามกำลังขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์เชิงลึกและเทคโนโลยีขั้นสูง ลอรีอัลกำลังก้าวข้ามกรอบความงามแบบเดิม สู่การนิยามใหม่ของการดูแลผิวและสุขภาพอย่างยั่งยืน ผ่านพลังของ Beauty Tech และศาสตร์ใหม่ L’Oréal Longevity Integrative Science™ ผลงานวิจัยยาวนานกว่า 15 ปี ที่มุ่งทำความเข้าใจ “กลไกแห่งวัย” ในระดับเซลล์ พร้อมเปิดแผนที่ชีวภาพผิวครั้งแรกของโลก AI Longevity Cloud™ วางรากฐานสู่อนาคตของความงามแบบองค์รวม ที่ไม่เพียงตอบโจทย์วันนี้ แต่พลิกอนาคตของการดูแลผิวและสุขภาพในระดับเซลล์

“แพทริค จีโร” กรรมการผู้จัดการลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า กลยุทธ์หลักของลอรีอัลในการผสานรวมวิทยาศาสตร์เข้ากับความงาม โดยมุ่งเน้นไปที่กระแส "Longevity" หรือการมีอายุที่ยืนยาว ซึ่งบริษัทให้ความสนใจเป็นพิเศษ “แนวคิด Longevity ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมีชีวิตที่ยาวนานขึ้นเท่านั้น แต่คือการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นอย่างมีสุขภาพดี กลยุทธ์ความงามที่ผสานรวมศาสตร์อายุที่ยืนยาว

ถือเป็นแนวทางที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากนวัตกรรมความงามแบบดั้งเดิม ในอดีตผลิตภัณฑ์ความงามมักถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไข ‘ปัญหาที่ปรากฏแล้ว’ เช่น ปัญหาผม หรือริ้วรอย แต่การผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับ Longevity ทำให้ลอรีอัลมุ่งเน้นไปที่การเป็น ‘ผู้คาดการณ์’ และ ‘การป้องกัน’ เพื่อแก้ไขปัญหาก่อนที่อาการเหล่านั้นจะปรากฏขึ้น

“สำหรับกลยุทธ์ของลอรีอัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย คือการใช้ L'Oréal Longevity Integrative Science™ เพื่อสนับสนุนให้ผู้บริโภคในประเทศสามารถมีอายุที่ยืนยาวขึ้นอย่างมีคุณภาพและใช้ชีวิตได้อย่างมีสุขภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และบริการต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภครักษาสุขภาพผิวให้อยู่ในสภาพที่ดี”

ลอรีอัล เปิดแผน Longevity ดูแลผิวระดับเซลล์ เชื่อมยุทธศาสตร์ความยั่งยืน

 

“จีโร” บอกว่า แม้ว่าปัจจุบันประเทศไทยจะยังไม่มีทีมวิจัยและนวัตกรรม (R&I) โดยเฉพาะ แต่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะ 'Pilot Country' หรือ 'Drive Country' โดยไทยจะทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลกและระดับภูมิภาคเพื่อนำเสนอความต้องการเฉพาะของภูมิภาคและนำไปสู่การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์

ในส่วนของโอกาสทางธุรกิจในกระแสความงามส่วนบุคคลและผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์นั้น “จีโร” มองว่าเทรนด์นี้มีความมั่นคงและเป็นที่ยอมรับอย่างมากในภูมิภาคนี้แล้ว การใช้เครื่องมือ เช่น การวินิจฉัย (diagnostics) และ การทดลองเสมือนจริง (virtual trials) กำลังเร่งให้เกิดการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ความงามส่วนบุคคล

“ยิ่งมีการใช้เครื่องมือวินิจฉัยมากเท่าใด ข้อมูลที่รวบรวมได้ก็จะยิ่งมีความสมบูรณ์มากขึ้น ส่งผลให้สามารถให้คำแนะนำที่เฉียบคมและแม่นยำยิ่งขึ้น ผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของผิวตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ลอรีอัล เปิดแผน Longevity ดูแลผิวระดับเซลล์ เชื่อมยุทธศาสตร์ความยั่งยืน

“อรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ” ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ลอรีอัลได้จัดแสดง INNOFEST 2025 เพื่อแสดงศักยภาพของนวัตกรรมของกลุ่มลอรีอัล มีการนำเสนออุปกรณ์ และแอปพลิเคชันที่ยังไม่มีให้บริการในประเทศไทย เพื่อให้เห็นศักยภาพของเทคโนโลยีความงามว่าก้าวหน้าไปไกลเพียงใด

นอกจากนี้ ในด้านวิทยาศาสตร์ งานดังกล่าวยังมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกในเรื่องศาสตร์ Longevity เพราะทางการแพทย์อาจถูกคิดค้นเพื่อสุขภาพโดยรวม แต่ในเรื่องของผิวพรรณและความงามนั้น ยังไม่ค่อยมีใครลงลึก

“L'Oréal ได้ดำเนินการศึกษาในเรื่องนี้มานานถึง 15 ปี จนก่อให้เกิดเป็นศาสตร์ใหม่ ศาสตร์ดังกล่าวได้รับการจดเครื่องหมายการค้าในชื่อ L’Oréal Longevity Integrative Science™ ซึ่งเพิ่งมีการสื่อสารจาก L’Oréal Group เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เอง

โดยมีความโดดเด่นในการมองความชราของผิวแบบองค์รวม โดยสามารถดูได้ถึงระดับเซลล์ ระดับโมเลกุล และระดับเนื้อเยื่อ สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่บริษัทสามารถเริ่มทำแผนที่ได้ว่าอะไรที่ทำให้ผิวเสื่อมเร็ว ศาสตร์นี้สามารถคิดค้นและตรวจสอบปัญหาได้ ก่อนที่ผู้บริโภคจะเห็นริ้วรอยหรือร่องรอยปัญหา โดยปกติแล้ว การดูแลความงามมักจะเกิดขึ้นเมื่อเห็นริ้วรอยหรือปัญหาแล้ว

ลอรีอัล เปิดแผน Longevity ดูแลผิวระดับเซลล์ เชื่อมยุทธศาสตร์ความยั่งยืน

“อรอนงค์” ย้ำว่า เมื่อพูดถึง Longevity มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความแข็งแรงของร่างกายภายในเท่านั้น แต่รวมถึงผิวพรรณด้วย ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ดังนั้น หากร่างกายมีสุขภาพดีแบบองค์รวม ก็จะส่งผลมาถึงผิวพรรณด้วย และหากเราอายุยืนยาว เราก็ต้องการให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงและดูดีไปพร้อมๆ กัน

อย่างไรก็ตาม การสื่อสารเรื่อง Longevity ที่มีความซับซ้อนและมีรายละเอียดทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมากนี้ ไปถึงผู้บริโภคถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้เทคนิค การสื่อสารจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่เล่าถึงความเชี่ยวชาญ ความทุ่มเทในการวิจัย และความล้ำหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ L'Oréal มี ส่วนนี้เปรียบเสมือนแบบแผนในการทำงานก่อนที่จะออกผลิตภัณฑ์

ส่วนที่สองคือการสื่อสารผ่านตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีการสื่อสารได้แค่บางส่วน เช่น การระบุว่าผลิตภัณฑ์นั้นมาจากแนวทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือมีการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ ร่วมด้วย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้ายังทำให้กลุ่ม L’Oréal สามารถคาดเดาปัญหา และคาดเดาความไม่คงตัวของส่วนผสมได้จากการใช้ AI และ Cloud

ด้านแผนความยั่งยืนของ L’Oréal นั้น บริษัทได้ตั้งเป้าหมายไว้ทีละ 10 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2020 ไปจนถึง 2030 เป้าหมายล่าสุดยังคงมุ่งเน้นการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการทำงานของบริษัทใน Scope 1 นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าให้ไซด์งานทุกไซด์ รวมถึงร้านค้าที่บริษัทดูแลทั้งหมด 100% จะต้องใช้พลังงานหมุนเวียน 100%

ในด้านบรรจุภัณฑ์และส่วนผสม มีการตั้งเป้าให้บรรจุภัณฑ์ต้องเป็น eco-design โดยตั้งเป้าลดการใช้พลาสติกบริสุทธิ์ลง 50% และใช้พลาสติกรีไซเคิลมากขึ้น ส่วนส่วนผสมต่างๆ นั้น ภายในปี 2030 เป้าหมายคือ 70% ของส่วนผสมจะต้องมาจากธรรมชาติหรือแหล่งชีวภาพ

สำหรับเป้าหมายด้านสังคม บริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องมีส่วนร่วมในการผลักดันการสร้างงานสร้างอาชีพผ่านโครงการต่างๆ โดยมีตัวเลขตั้งเป้าไว้ที่ 100,000 คนทั่วโลกภายในปี 2030 ในส่วนของการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 นั้น แม้จะมีความท้าทาย แต่บริษัทมีการติดตามบางส่วน เช่น ในเรื่องของการเดินทาง การขนส่ง และโลจิสติกส์ บริษัทสาขาในประเทศไทยดำเนินการตามเป้าหมายใหญ่ของกลุ่มในระดับโลก