แข่ง ‘ทำเหมืองแร่’ บน ‘ดวงจันทร์’ ดึงแร่แรร์เอิร์ธมาใช้ วิกฤติภูมิรัฐศาสตร์ใหม่?

แข่ง ‘ทำเหมืองแร่’ บน ‘ดวงจันทร์’ ดึงแร่แรร์เอิร์ธมาใช้ วิกฤติภูมิรัฐศาสตร์ใหม่?

“ดวงจันทร์” เตรียมเป็นสงครามภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ หลังนานาชาติแข่งทำ “เหมืองแร่” หวังดึง “แร่แรร์เอิร์ธ” มาใช้ ยุโรปตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอวกาศ ขณะที่สหรัฐ-จีน-รัสเซีย วางแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

KEY

POINTS

  • มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีนกำลังแข่งขันกันทำเหมืองบนดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายหลักคือ "ฮีเลียม-3" ซึ่งเป็นแร่หายากที่มีศักยภาพสูงสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันที่สะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูง
  • การแข่งขันนี้ถูกมองว่าเป็น "สมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ใหม่" เนื่องจากประเทศที่สามารถสร้างฐานและสกัดทรัพยากรได้ก่อน อาจกลายเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์การใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์ในอนาคต
  • แม้จะมีความท้าทายทางเทคนิคและต้นทุนที่สูงมาก แต่หลายประเทศและบริษัทเอกชนได้เริ่มลงทุนในโครงการสำรวจ วางแผนสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และทำข้อตกลงซื้อขายทรัพยากรจากดวงจันทร์แล้ว

ฮีเลียม-3” ไอโซโทปหายาก กลายเป็นหนึ่งในแร่หายากที่ทุกคนต้องการ เพราะมีศักยภาพในการระบายความร้อนให้กับคอมพิวเตอร์ควอนตัม ขับเคลื่อนอุปกรณ์ทางการแพทย์รุ่นใหม่ หรือกระทั่งใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ที่สะอาดกว่า ในเมื่อบนโลกมันหายากนัก ประเทศต่าง ๆ จึงพุ่งเป้าไปที่ “ดวงจันทร์” ที่มี ฮีเลียม-3 อยู่ในฝุ่นบนพื้นผิวของดวงจันทร์ 

แต่การจะไปทำเหมืองบนดวงจันทร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีคำถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใครจะเป็นผู้สร้างเครื่องมือ ใครจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ และใครจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่พบนอกโลก

ฮีเลียม-3 เป็นไอโซโทปเบาที่ไม่เป็นกัมมันตรังสี ฝังอยู่ในเรโกลิธ (ดินบนดวงจันทร์) ซึ่งสะสมมานานหลายพันล้านปี โดยถูกพัดพาจากลมสุริยะและตกตะกอนลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ เนื่องจากไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกัน

นักวิทยาศาสตร์คิดมานานแล้วว่าจะทำแร่เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ในทางทฤษฎี ฮีเลียม-3 สามารถใช้เป็นพลังงานให้กับเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันรุ่นใหม่ที่สะอาด ปราศจากกากกัมมันตรังสีอันตรายและไม่ก่อให้เกิดของเสียอันตรายอีกด้วย

แฮร์ริสัน ชมิดต์ นักธรณีวิทยาจากโครงการอพอลโล เคยกล่าวไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า การขุดฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์อาจเปลี่ยนแปลงโลกได้ ขณะที่เจอรัลด์ คุลซินสกี จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน สร้างเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กเพื่อสำรวจปฏิกิริยาฟิวชั่นของฮีเลียม-3 แต่ถึงแม้จะพยายามมาหลายปี ก็ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการสร้างปฏิกิริยาฟิวชั่นที่มีพลังงานสุทธิเพิ่มขึ้นนานกว่าไม่กี่นาที

ฮีเลียม-3 ถูกใช้ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำพิเศษสำหรับคอมพิวเตอร์ควอนตัม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสแกน MRI ปอดบางประเภทเมื่อมีการเพิ่มขั้ว และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องตรวจจับนิวตรอนที่ใช้เพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ วิศวกรด้านไครโอเจนิกส์คนหนึ่งบอกกับ Interesting Engineering ว่า “ภายในตู้เย็น Blue Origin นั้นเย็นกว่าในอวกาศถึง 200 เท่า”

อย่างไรก็ตาม โลกมีไอโซโทปที่มีค่านี้อยู่เพียงเล็กน้อย ฮีเลียม-3 ส่วนใหญ่บนโลกมาจากการสลายตัวอย่างช้า ๆ ของทริเทียมในคลังนิวเคลียร์ ซึ่งผลิตได้เพียงไม่กี่พันลิตรต่อปีเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าดวงจันทร์มีฮีเลียม-3 มากถึงหนึ่งล้านตัน กระจายอยู่ทั่วชั้นบนสุดของดินบนดวงจันทร์ เพื่อให้ได้ฮีเลียม-3 เพียงไม่กี่ลิตร นักขุดอาจต้องแปรรูปฝุ่นมากพอที่จะเติมสระว่ายน้ำในสวนหลังบ้านได้

 

ดวงจันทร์แหล่งขุมทรัพย์ใหม่

สหรัฐและจีนเริ่มมองดวงจันทร์เป็นแหล่งตักตวงผลประโยชน์สำคัญของชาติ ขณะที่รัสเซีย ยุโรป และอินเดียที่กำลังตามมาติด ๆ แทนที่จะลงสำรวจเพียงครั้งเดียว เป้าหมายในตอนนี้ของนานาชาติ คือ การสร้างระบบที่สามารถรองรับการปฏิบัติงานในระยะยาว ใครก็ตามที่ทำได้ก่อนอาจเป็นผู้กำหนดว่าโลกจะใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์อย่างไรในอนาคตอันใกล้

ในเดือนกันยายน 2025 บริษัท Bluefors บริษัทด้านเทคโนโลยีความเย็นจัดในเฮลซิงกิ ได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทสตาร์ทอัพ Interlune เพื่อซื้อฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์มากถึง 1,000 ลิตรต่อปี ในข้อตกลงมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สองสัปดาห์ต่อมา Blue Origin ประกาศโครงการ Oasis ซึ่งเป็นภารกิจระยะยาว โดยจะเริ่มต้นด้วยการทำแผนที่ทรัพยากรบนดวงจันทร์ เช่น น้ำแข็งและฮีเลียม-3 จากวงโคจร

แผนการของ Interlune ฟังดูเรียบง่ายอย่างน่าประหลาดใจ โดยเก็บดินบนดวงจันทร์ นำมาให้ความร้อนเพื่อปลดปล่อยก๊าซที่ถูกกักไว้ แยกฮีเลียม-3 ที่หายากออกมา แล้วขนส่งกลับมายังโลก แต่ดินบนดวงจันทร์นั้นคม เป็นแก้ว และเหนียว สามารถอุดตันข้อต่อและกัดกร่อนเครื่องจักร ในสุญญากาศของดวงจันทร์ทำให้สารหล่อลื่นจะระเหยไป แม้แต่หุ่นยนต์อัตโนมัติก็ต้องทำงานโดยคำนึงถึงความล่าช้าเพียงไม่กี่วินาทีระหว่างโลกกับตัวควบคุม

ถึงกระนั้น รัฐบาลก็ยังคงลงทุนแม้จะมีอุปสรรคทางเทคนิค ในช่วงกลางปี ​​2025 กระทรวงพลังงานของสหรัฐได้จัดซื้อฮีเลียม-3 จากดวงจันทร์จำนวน 3 ลิตร นับเป็นการซื้อทรัพยากรนอกโลกครั้งแรกของรัฐบาล 

ขณะที่ สหภาพยุโรปตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอวกาศภายในปี 2050 โดยเน้นที่การทำเหมืองและการสกัดทรัพยากรด้วยหุ่นยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงาน เนื่องจากในสหภาพยุโรปมีแร่แรร์เอิร์ธอยู่ไม่มาก จำเป็นต้องพึ่งพาประเทศภายนอก คณะกรรมาธิการกังวลว่าประเทศที่มีแหล่งสำรองโลหะเหล่านี้จำนวนมากอาจร่วมมือกันเพื่อควบคุมอุปทาน เช่นเดียวกับที่ OPEC ควบคุมอุปทานน้ำมัน

ไม่มีใครปฏิเสธว่าโครงการนี้จะไม่สร้างความคุ้มค่าทางธุรกิจ ฌอน ดัฟฟี รักษาการผู้บริหารของนาซา กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ผู้ที่นำในอวกาศจะเป็นผู้นำบนโลกด้วย” ในเวลาเดียวกันนั้น จีนได้ทำการทดสอบที่สำคัญของจรวดลองมาร์ช 10 และยานลงจอดลานเยว่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของโครงการสำรวจดวงจันทร์ที่มีมนุษย์ควบคุม ขณะเดียวกันก็ยังคงวางแผนภารกิจฉางเอ๋อ สำหรับสำรวจขั้วใต้ของดวงจันทร์ในระยะยาว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่มีน้ำแข็งและทรัพยากรที่มีค่าอื่น ๆ

ฌอน ดัฟฟี แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐไปถึงขั้วใต้ของดวงจันทร์ก่อนจีน โดยมองว่าภารกิจนี้เป็นการแข่งขันที่มีเดิมพันสูง

สนธิสัญญาอวกาศปี 1967 ห้ามการเป็นเจ้าของวัตถุบนท้องฟ้า แต่ไม่ได้กล่าวถึงเขตปฏิบัติการพิเศษมากนัก ความคลุมเครือของข้อกำหนดต่าง ๆ อาจถูกทดสอบ เมื่อประเทศต่าง ๆ ตีความกฎหมายเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการครอบครองหลุมอุกกาบาตและแหล่งทรัพยากรที่มีค่า

นอกจากนี้ นาซากำลังวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี 2030 ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการอาร์เทมิส ที่มีเป้าหมายในการสร้างฐานบนดวงจันทร์และสร้างการดำรงอยู่ของมนุษย์ในระยะยาวบนพื้นผิวดวงจันทร์

จีนและรัสเซียก็วางแผนที่จะร่วมมือกันสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนดวงจันทร์ โครงการร่วมทุนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะให้พลังงานแก่ศูนย์วิจัยที่เรียกว่าสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2035 ส่วนญี่ปุ่นก็กำลังพยายามเข้าร่วมการแข่งขันและขุดหาทรัพยากรที่มีค่าบนดวงจันทร์เช่นกัน

ใครก็ตามที่ดำเนินการเครื่องปฏิกรณ์เครื่องแรกบนดวงจันทร์ อาจทำมากกว่าแค่ผลิตกระแสไฟฟ้า ดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้กล่าวไว้ โรงไฟฟ้าจะกลายเป็นเขตห้ามเข้า ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วถือเป็นการอ้างสิทธิ์ในดินแดนโดยพฤตินัย

ทั้งนี้ การขุดฮีเลียม-3 ยังคงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก การประเมินของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐยังคงระบุว่าเป็น “ทรัพยากรที่คาดการณ์ว่าไม่สามารถนำมาใช้ได้”

ตัวอย่างฮีเลียม-3 จากโครงการอพอลโลแสดงให้เห็นความเข้มข้นเพียงส่วนในพันล้านส่วน การสกัดและขนส่งกลับมายังโลกอาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์ต่อลิตรที่ผลิตได้ แม้ว่าจะสามารถทำได้ การหลอมรวมฮีเลียม-3 ก็ยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อมในขณะนี้ ดังที่นักฟิสิกส์ แฟรงค์ โคลส เคยเขียนไว้ว่า แนวคิดนี้อาจเป็นเพียง “ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ”

แม้มันอาจจะเป็นไปได้ยากในเวลานี้ แต่ความพยายามก็ พิสูจน์ว่าทรัพยากรบนดวงจันทร์สามารถนำมาใช้ได้ การกำหนดกฎเกณฑ์ว่าใครจะได้อะไร และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะทำให้การลงทุนในอนาคตเป็นไปได้ 

ด้วยวิสัยทัศน์นี้เองที่ดึงดูดรัฐบาล บริษัท และนักลงทุนเข้ามามีส่วนร่วม ครึ่งหนึ่งของภารกิจสำรวจดวงจันทร์ทั้งหมด 450 ภารกิจที่วางแผนไว้จนถึงปี 2033 เป็นภารกิจเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ และในตอนนี้บริษัทต่าง ๆ เริ่มยื่นคำขอใช้คลื่นความถี่วิทยุบนดวงจันทร์แล้ว 

ประเทศแรกที่สามารถผลิตพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กลั่นก๊าซ หรือเติมเชื้อเพลิงให้กับยานอวกาศบนดวงจันทร์ได้ อาจจะกำหนดนิยามใหม่ของคำว่า “กรรมสิทธิ์” นอกเหนือจากโลกของเรา


ที่มา: ForbesPoliticoZME Science