อิตาลีพบผู้ป่วยโควิด-19 ฝีดาษลิง -HIV ในคนเดียวกัน

อิตาลีพบผู้ป่วยโควิด-19 ฝีดาษลิง -HIV ในคนเดียวกัน

สธ.ยืนยันไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง 5 ราย ไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม ขณะที่ "ดร.อนันต์"เผยผลงานวิชาการ Journal of Infection ต่างประเทศ พบผู้ป่วยในอิตาลีที่เป็น โรคโควิด-19 ร่วมกับฝีดาษลิง และ HIV ในคนเดียวกัน

วันนี้ (22 ส.ค.2565)นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Monkeypox) ว่า ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่ม ยังคงที่ 5 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้สงสัยติดเชื้อแต่เมื่อเอาเชื้อไปตรวจในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ก็ไม่ใช่ฝีดาษลิง ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ยังขอความร่วมมือประชาชนระวัง อย่านำตัวเองเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยงติดเชื้อโรคฝีดาษลิง

  • ยืนยันไทยป่วยฝีดาษลิง 5 ราย ไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์ในประเทศไทยเวลานี้ พบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานรแล้วจำนวน 5 ราย เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย สัญชาติไทย 3 ราย

โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยยืนยันรายแรก และรายที่สองครบ 21 วันแล้วจำนวน 40 คน ไม่พบอาการป่วย และได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ ไม่พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคที่มีอาการรุนแรงหรือติดต่อได้ง่าย จากการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วย 2 รายแรก จนครบกำหนดระยะฟักตัว 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์ เช่น ผู้สัมผัสร่วมบ้านที่อยู่ด้วยกันเป็นสัปดาห์ ยังไม่มีใครติดเชื้อ

 

  • พบผู้ป่วยในอิตาลีคนเดียวเป็นโควิด-19 ฝีดาษลิง และ HIV 

“เมื่อครบกำหนดตรวจซ้ำยิ่งมั่นใจว่าโรคนี้ไม่ได้ติดกันง่ายๆ หากจะติดต้องสัมผัสใกล้ชิดกันจริงๆ ชนิดเนื้อแนบเนื้อ กลุ่มเสี่ยงจึงได้แก่ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หากใครคิดว่าตัวเองเสี่ยงขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันโรค” นพ.โอภาส กล่าว

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิในขณะนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 21 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อยืนยันทั่วโลก จำนวน 42,362 ราย เสียชีวิต 13 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 14,595 ราย สเปน 6,091 ราย บราซิล 3,756 ราย เยอรมัน 3,266 ราย และ อังกฤษ 2,889 ราย

ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา และผอ.กลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์ และการจัดการศูนย์พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า พบ เคสแรกของผู้ป่วยฝีดาษลิง-โควิด-HIV-1 ในประเทศอิตาลี

ข้อมูลจากวารสารวิชาการ Journal of Infection ที่มีการรายงานเคสของผู้ป่วยฝีดาษลิงคนหนึ่ง ที่มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศสเปน ขณะที่อยู่ที่นั่นได้มีกิจกรรมทางเพศแบบชายรักชายแบบไม่ป้องกัน

โดยชายคนนี้ มีอาการนำประกอบด้วย ไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ปวดศีรษะ และต่อมน้ำเหลืองโต ตรวจพบเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีอาการ ตุ่มหนองบนร่างกายบริเวณ แขน ลำตัว ฝ่ามือ นิ้ว ขา สะโพก

 

  • ระบุโควิด-19 กับ ฝีดาษลิง จะผสมกันเป็นไวรัสตัวใหม่ไม่ได้

ทั้งนี้ จากการดูประวัติการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มาแล้ว 2 เข็ม ติดโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปีด้วยสายพันธุ์ BA.1 ครั้งที่ 2 สายพันธุ์ BA.5.1 และจากรายงานที่พบ ATK เป็นบวกในเวลาใกล้ๆ กับที่มีผื่นขึ้น อนุมานได้ว่าผู้ป่วยคนนี้น่าจะได้รับเชื้อฝีดาษลิงมาก่อน และได้รับเชื้อโควิด- 19 มาในช่วงระยะฟักตัวของฝีดาษลิง เนื่องจากโควิด-19 มีระยะฟักตัวที่สั้นกว่าอาการนำอะไรต่างๆ จึงเกิดขึ้นมาพร้อมๆกันจนแยกไม่ออกว่าอาการที่เห็นมาเป็นผลมาจากเชื้อไหนกันแน่

ดร.อนันต์ ระบุต่อว่าสำหรับการพูดถึงผู้ที่อาจสงสัยว่าโควิด-19 กับ ฝีดาษลิง จะผสมกันเป็นไวรัสตัวใหม่ได้หรือไม่ เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะโควิด-19เป็นไวรัสที่มี RNA เป็นสารพันธุกรรม แต่ ฝีดาษลิงเป็น DNA จึงไม่น่าจะผสมกันได้